การตลาด
สกู๊ป...เครื่องดื่มชูกำลังเร่งกระตุ้นยอดดิ้นหนีเศรษฐกิจซบ




 


ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มของไทยในปีนี้ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง  เพราะจากปัจจัยลบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม  ซึ่งหนึ่งสินค้าดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบ คือ เครื่องดื่มชูกำลัง  เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของกลุ่มสินค้าดังกล่าวคือ กลุ่มผู้บริโภคระดับล่าง  และจากการที่ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบกับกำลังซื้อของกลุ่มรากหญ้าโดยตรง  จึงทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังชะลอตัวเหมือนกับกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มอื่นๆ

 
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ออกมาประมาณการภาพรวมตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มในปี 2559 ว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 225,000-230,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณ 8,500-8,600 ล้านลิตร (คาดการณ์บนเงื่อนไขยังไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปี 2559) โดยหดตัวในเชิงมูลค่าในช่วงร้อยละ 3.2-5.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 237,500 ล้านบาท หากแต่ขยายตัวในเชิงปริมาณที่ร้อยละ 1.0-2.2 เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่อยู่ที่ 8,415 ล้านลิตร 
 

จากการขยายตัวในเชิงปริมาณแต่หดตัวในเชิงมูลค่าดังกล่าว  เป็นมาจากการที่ผู้ประกอบการออกมาทำการตลาดในรูปแบบของการจัดโปรโมชั่นในลักษณะ ‘ลด แลก แจก แถม’  มากขึ้น  เพื่อกระตุ้นยอดขายเครื่องดื่มพร้อมดื่มให้เติบโต  ท่ามกลางสภาวะกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวในขณะนี้  ซึ่งเครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าว  และจากกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวทำให้ผู้บริโภครู้สึกชินกับการทำกิจกรรม  ขณะเดียวกันก็มีพฤติกรรมชอบเก็บฝาเครื่องดื่มไว้เพื่อรอการแลกของรางวัล  เพราะผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะออกมาทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวทุกปี  เช่นเดียวกับปีนี้ที่คาดการณ์กันว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในลักษณะการ ลด แลก แจก แถม และชิงรางวัลกันอย่างคึกคักเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา
 

 
นายสุรชัย  จงเลิศวราวงศ์  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด  กล่าวว่า  ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตติดลบประมาณ 2-3% เนื่องจากผู้บริโภคระดับรากหญ้า  ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเครื่องดื่มชูกำลังยังมีกำลังซื้อชะลอตัว ภายหลังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติในด้านของปัญหาภัยแล้ง  และสภาพอากาศที่หนาวยาวนาน  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและราคาการซื้อขายสินค้า  

ทั้งนี้  จากปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้ผู้บริโภคในระดับรากหญ้าไม่มีกำลังซื้อที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน  และหนึ่งในนั้นก็คือ เครื่องดื่มชูกำลัง  ประกอบกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังไม่มีการออกมาเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด  และออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย จึงทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในปีที่ผ่านมาและ 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว 
 

นายสุรชัย  กล่าวว่า  กลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนำมาใช้ส่วนใหญ่ยังคงเน้นไปที่การทำโปรชั่นชิงรางวัล  เพราะเป็นกลยุทธ์สามารถกระตุ้นยอดขายให้เติบโตจากปกติได้  แต่กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคเกิดความชิน  และรอที่จะซื้อสินค้าในช่วงโปรโมชั่น  ซึ่งจากการที่ผู้ประกอบการทำโปรโมชั่นกันอย่างต่อเนื่องทุกปี  ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งเลือกที่จะเก็บฝาเครื่องดื่มชูกำลังไว้  เพื่อรอร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายชิงรางวัล  ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็มีแผนที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าวเช่นกัน  แต่จะเน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด
 
 

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของเครื่องดื่มกระทิงแดงภายในประเทศช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2-3%  ถือว่าสูงกว่าภาพรวมตลาด เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนองปีที่ผ่านมาก็มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 รายการ คือ กระทิงแดงจี2  ราคา 15 บาท เพื่อเจาะตลาดระดับพรีเมี่ยม  และกระทิงแดงเอ็กซ์ตร้าฝาแดง และฝาดำ ราคา 10 บาท เข้าทำตลาด เพื่อเจาะตลาดระดับกลางและระดับล่าง

นายสุรชัย  กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนการทำตลาดในปีนี้  ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวกระทิงแดงจี3  ราคา 15 บาท เข้าทำตลาดระดับพรีเมียม  เนื่องจากตลาดดังกล่าวยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาด โดยเฉพาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่  ซึ่งนับจากนี้ไปบริษัทจะหันมาทำตลาดดังกล่าวมากขึ้น  ด้วยการเปิดตัวสินค้าระดับพรีเมียมเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่ทำตลาดพรีเมียมทั้งหมด 3 รายการ ประกอบด้วย กระทิงแดงจี2 กระทิงแดงจี3 และเรดบลูซ่า

ล่าสุด เครื่องดื่มกระทิงแดง ได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ล่าสุด  คือ “เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ”  ซึ่งการคัดเลือกพรีเซนเตอร์กระทิงแดงในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ทางทีมงานต้องเฟ้นหาอย่างหนัก เพราะนอกจากต้องเป็นที่รู้จักของคนไทยแล้ว บุคลิกของพรีเซนเตอร์คนใหม่ยังต้องเข้ากับจุดยืนของผลิตภัณฑ์ คือมีความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงอีกด้วย  และการที่ตัดสินใจเลือก เวียร์ –ศุกลวัฒน์  เพราะช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เวียร์-ศุกลวัฒน์  ได้เข้าไปช่วยเหลือคนขี่บิ๊กไบค์ตกข้างทางที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  จึงทำให้ เครื่องดื่มกระทิงแดง เล็งเห็นความเป็นพรีเซนเตอร์ที่มีความเป็นลูกผู้ชายตัวจริง  ซึ่งถือเป็นบุคลิกที่ตรงกับกระทิงแดง 
 

นอกจากนี้  เครื่องดื่มกระทิงแดง เปิดตัวแคมเปญ กระทิงแดง แจกโชคเท่สุด EXTREME  ด้วยการคัดสรรรางวัลกว่า 1,400 รางวัล มาให้ผู้บริโภคได้ร่วมลุ้นโชค  เช่น  รถบิ๊กไบท์ไทร์อัมพ์ รุ่นไทเกอร์ พร้อมหมวกกันน๊อคสำหรับคอบิ๊กไบค์ , จักรยานเสือภูเขาจากอิตาลี ตกแต่งลาย Limited Edition จากกระทิงแดง เรซซิ่งทีม , และของรางวัลอื่นๆ ส่งตรงจากประเทศออสเตรีย ของทีมเรดบูล เรซซิ่ง อาทิ นาฬิกา Edifice แว่นกันแดด กระเป๋าเป้ เสื้อยืดจากกระทิงแดง เรซซิ่งทีม และสุดเซอร์ไพรส์ สำหรับรางวัลสุดท้าย แพ็คเกจทัวร์ไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ชมรถสูตร 1 จากทีมเรดบูล เรซซิ่ง กับรถโฉมใหม่ล่าสุด RB12 ซึ่งทางเครื่องดื่มกระทิงแดงได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตลอดทริป

พร้อมกันนี้  เครื่องดื่มกระทิงแดง ยังมีแผนที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องภายใต้งบการตลาดรวมประมาณ 300 ล้านบาท  แบ่งเป็นการทำตลาดสำหรับแบรนด์กระทิงแดง 200 ล้านบาท และแบรนด์เรดบลู 100 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะทำการสร้างแบรนด์สินค้าอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้คนรุ่นใหม่รู้จักสินค้าของกระทิงแดงมากขึ้น  ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าในกลุ่มพรีเมียมเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้รวมเติบโตตามเป้าหมายที่ 5% จากปี 2558 ที่มีรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ประมาณ 8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 10%

ปัจจุบันภาพรวมตลาดเครื่องชูกำลังมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 21,400 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะเติบโตที่ 1-2% ใกล้เคียงกับปี 2558 เนื่องจากภาพรวมตลาดยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวมีแบรนด์เอ็ม150 เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 57.7% ลดลงจาก 59.5%  อันดับ 2 เป็นของแบรนด์คาราบาวแดง มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 21.1% เพิ่มขึ้นจาก 21% และอันดับ 3  เป็นของแบรนด์กระทิงแดง ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16.3% เพิ่มขึ้นจาก 15.9%  ซึ่งสิ้นปีนี้เครื่องดื่มกระทิงแดงคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรวมเพิ่มขึ้นดีที่ 1% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดพรีเมียมคาดว่าเพิ่มขึ้นที่ 3-5% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 30%




 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 มิ.ย. 2559 เวลา : 13:53:16
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 10:17 pm