นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 มิ.ย.) ว่าการที่ธนาคารกลางและรัฐบาลของประเทศที่เกี่ยวข้องกับ BRExit ทยอยประกาศแผนรับมือกับความผันผวนของตลาด ทำให้นักลงทุนเริ่มมั่นใจในทิศทางตลาดมากขึ้น เช้านี้ (29 มิ.ย.) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ออกมายืนยันอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ภาพของตลาดหุ้นไทย ออกมาในทางบวก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ แม้ว่าความเสี่ยงในเรื่องของ BRExit ยังคงมีอยู่ และยุโรปอาจถูกกระทบหนักกว่าประเทศอื่นๆ
โดยทางธนาคารกลาง ECB ประเมินผลของ BRExit เป็นทำให้ GDP ของอียูลดลง 0.5% (คาดว่า GDP ยุโรปนี้นี้ขยายตัวที่ 1.5%) แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องการ คือดูว่ามาตรการที่จะออกมา มีความน่าเชื่อถือหรือมีแรงพอหรือไม่ ซึ่งเรามองว่านักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มจะเชื่อในแบบนั้น คือ มีกำลังเพียงพอที่จะรับมือกับแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงได้ การกดดันประเทศอังกฤษ จะทำให้ความกังวลเรื่องนี้จบลงได้เร็วและไม่ยืดเยื้อ เป็นเหตุให้แรงขายหุ้นและเงินสกุลที่เกี่ยวข้องลดลงในคืนที่ผ่านมา และพลิกกลับมาซื้อ
อย่างไรก็ตามการประชุม EU Summit ที่จะมีผลการประชุมออกมาในวันนี้ (29 มิ.ย.) จะเป็นตัวยืนยันว่าทิศทางตลาดหุ้นจะไปได้ไกลแค่ไหนซึ่งประเมินว่าผลการประชุมน่าจะออกมาเป็นบวก นอกจากนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูการหาหรือระหว่างเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษกับกลุ่มผู้นำ EU ในคืนนี้ด้วย ว่าจะมีความคืบหน้าใดๆเกี่ยวกับแนวทางออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปหรือไม่
ดังนั้นในส่วนกลยุทธ์การลงทุน ภาพตลาดมีความชัดเจนมากขึ้นว่าความกังวลเรื่อง BRExit กำลังลดลงตามลำดับ และไม่น่าจะมีอะไรพลิกผัน (Surprise) ในทางลบต่อตลาดอีก จึงกลับมาแนะนำให้ทยอยเข้าเก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาลงมามาก และเป็นเป้าหมายของการซื้อเมื่อนักลงทุนสถาบันฯกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง (ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่าประเทศในตลาดเซีย พบว่ามีการเข้ามาซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) เราเริ่มมองเห็นว่า หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามาในตลาดอีก มีโอกาสที่เราจะได้เห็นแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน หลังผ่านช่วงปิดงบกลางปีไปแล้วในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นที่ KTBST คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ คือ KBANK , CPALL , PTTEP , BDMS , KKP , S11 มองกรอบดัชนีหุ้นไทยวันนี้ที่ 1,428-1,447
นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นักลงทุนจะยังจับตามองความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางทั่วโลกว่าจะดำเนินนโยบายต่อรองรับ Brexit อย่างไร ทำให้ตลาดหุ้นมีโอกาสแกว่งตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ดีหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงประชามติเรื่อง Brexit ในระยะยาวเศรษฐกิจยุโรปจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และอาจส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆด้วย ในด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศแสดงให้เห็นภาคตการบริโภคและยุโรปที่ยังคงแข็งแรง แม้ตัวเลขการลงทุนและการจ้างงานที่ออกมาก่อนหน้านี้จะสร้างความผิดหวังให้นักลงทุนก็ตาม ในขณะที่ตัวเลขยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
“KTBST ยังแนะนำให้นักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรปเป็นหลัก หากมีมาตรการกระตุ้นก็อาจมีโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดเกิดใหม่ได้ อย่างไรก็ดีนักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Brexit โดยตรงเช่น ยุโรปและจีน ในระยะกลางสินทรัพย์ที่น่าสนใจยังคงเป็น ตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ และหุ้นปันผล”
ข่าวเด่น