การตลาด
สกู๊ป...ไฮเปอร์มาร์เก็ตเร่งบุกออนไลน์เสริมแกร่งออฟไลน์




 


นอกจากจะแข่งขันกันในด้านของการขยายสาขา และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หน้าร้านแล้ว  ปัจจุบันธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยยังหันมาแข่งขันในด้านของออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย  เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก  คือ หันมาให้ความสนใจโลกออนไลน์มากขึ้น   เห็นได้จากแนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลให้ปัจจุบันมีสัดส่วนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 56% หรือ 38 ล้านคนของจำนวนประชากรทั้งประเทศ  ในจำนวนดังกล่าว 86% ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน และ 45% ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน  ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวส่งผลให้คาดการณ์ว่าในปี 2567 สัดส่วนการซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 15%  จากปี 2558 ที่มีสัดส่วน 3.8%
 
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้ผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโลกออฟไลน์  หรือการขายหน้าร้าน  ซึ่งปัจจุบันยังคงแข่งขันกันอย่างรุนแรง  โดยเฉพาะการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบของการทำโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม  ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต  ยิ่งปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง  ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้นเป็นพิเศษ
 
อย่างไรก็ดี  แม้ว่ากลยุทธ์การทำตลาดของไฮเปอร์มาร์เก็ตจะเน้นไปที่ช่องทางออฟไลน์  แต่ในด้านของช่องทางออนไลน์ก็มีการพัฒนาบริการ  เพื่อเพิ่มจำนวนสินค้าเข้ามาทำตลาดมากขึ้น  เพื่อเพิ่มความสะดวกและเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  ซึ่งล่าสุดห้างเทสโก้ โลตัสก็ได้ออกมาเปิดตัว 4 บริการใหม่ในช่องทางออนไลน์  เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า 

น.ส.วรรณา สวัสดิกูล  ประธานกรรมการบริหารฝ่ายธุรกิจออนไลน์  บริษัท เอก-ชัน ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้าง เทสโก้ โลตัส  กล่าวว่า  กลุ่มลูกค้าในยุคนี้ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และการช้อปปิ้งสินค้าทุกประเภท  โดยที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี  เพราะการเข้าถึงอินเตอร์เนตและเทคโนโลยีสื่อดิจิทัลในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว  ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว บริษัทได้เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555   โดยช่วงเวลานั้นห้างเทสโก้ โลตัสถือเป็นค้าปลีกรายแรกที่เริ่มบุกเบิกอย่างจริงจัง 

 
สำหรับแพลทฟอร์มดิจิทัลของเทสโก้ โลตัส  ที่พัฒนาขึ้นมา  เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลนั้น  ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก คือ หนึ่ง อี-คอมเมิร์ซ ขายสินค้าออนไลน์ผ่าน 2 ช่องทางคือ Tesco Lotus Shop Online ที่มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ รวมถึงอาหารสด โดยลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชั่น และ ร้านค้าของเทสโก้ โลตัสบนเว็บไซต์ ลาซาด้า ที่มีสินค้ากว่า 9,000 รายการ ในส่วนที่ 2 คือ Digital Connection ที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดียและช่องทางดิจิทัลอื่นๆ

ล่าสุด เทสโก้ โลตัส เปิดตัวนวัตกรรมบริการใหม่ 4 ประเภท เพื่อเพิ่มความสะดวก ตอบรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ ได้แก่ 1. บริการ ShopBox24 มุ่งเน้นลูกค้าที่อาศัยในคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน โดยเทสโก้ โลตัส ได้จับมือกับพันธมิตร ShopBox24 บริการส่งสินค้าที่ตู้ล็อคเกอร์ซึ่งตั้งอยู่ในคอนโดมิเนียม 48 แห่งในย่านที่อยู่อาศัยที่มีคอนโดมิเนียมหนาแน่น  เช่น ถนนสุขุมวิท สาทร พหลโยธิน พญาไท รัชดาภิเษก พระราม 9 เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่น จากนั้นสินค้าจะถูกส่งไปยังตู้ล็อคเกอร์ที่ตั้งอยู่ภายในคอนโดมิเนียม ลูกค้าสามารถใช้รหัสส่วนตัวเพื่อเปิดรับสินค้าได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องอยู่รอพนักงานส่งสินค้า เริ่มเปิดให้บริการเดือนมิ.ย.นี้
 
บริการที่ 2 คือ  บริการ Click & Collect ให้ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่านเว็บไซต์ โมบายไซต์ และแอพพลิเคชั่น Tesco Lotus Shop Online และเลือกรับสินค้าด้วยตัวเอง ที่ 3 สาขาคือ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์ตร้า พระราม 4, เทสโก้ โลตัส พลัสมอลล์ ศรีนครินทร์ และ เทสโก้ โลตัส หางดง จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับลูกค้าที่เดินทางผ่านสาขาเหล่านั้น โดยมีจุดรับสินค้าพิเศษ ให้ลูกค้าสามารถรับสินค้าที่สั่งได้ภายในเวลา 10 นาที โดยไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ เริ่มเปิดให้บริการแล้ว และกำลังจะขยายไปสู่สาขาอื่นในอนาคต  

ขณะที่บริการที่ 3 จะเป็น บริการส่งสินค้าทางมอเตอร์ไซค์ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการการส่งสินค้าเร่งด่วน สามารถรับสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง โดยเทสโก้ โลตัส ได้จับมือกับ Happy Fresh ในการจัดส่งสินค้า นอกจากนั้น เทสโก้ โลตัส เองก็ได้มีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ขนส่งสินค้าเป็นของตัวเองด้วย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มความคล่องตัวในการจัดระยะเวลาการส่งสินค้าเพิ่มให้กับลูกค้า และหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้ดี ทั้งสองบริการนี้เริ่มต้นในเดือนก.ค.นี้   

ส่วนบริการที่ 4  คือ         เทคโนโลยี iBeacon ป้อนข้อมูลเข้าสมาร์ทโฟนของลูกค้าได้โดยตรง ทันทีที่เดินเข้าร้านเทสโก้ โลตัส ลูกค้าจะได้รับข้อมูลโปรโมชั่นและเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชนิดต่างๆ เมื่อเดินผ่านจุดปล่อยสัญญาณภายในร้าน โดยเทสโก้ โลตัส ได้เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยี iBeacon ใน 5 สาขา และพร้อมเปิดใช้ใน 1,800 สาขาทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์แล้ว คู่ค้าของเทสโก้ โลตัส ก็ได้รับประโยชน์จากการมีช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าในร้านเพิ่มขึ้นด้วย
หลังจากพัฒนาบริการใหม่ๆ เข้ามาให้บริการเพิ่มขึ้น เทสโก้ โลตัสคาดว่าสิ้นปี 2559 จะมีรายได้จากการทำธุรกิจออนไลน์เติบโตไม่ต่ำกว่า 100%  และสามารถขยายฐานลูกค้าออนไลน์ได้เป็นที่น่าพอใจ  เนื่องจากปัจจุบันเทสโก้ โลตัส สินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่า 20,000 รายการ ที่ขายผ่าน Tesco Lotus Shop Online และอีกกว่า 9,000 รายการ ขายผ่านบนเว็บไซต์ลาซาด้า ส่วนการ connect กับลูกค้าบนโลกดิจิทัล เฟซบุ้คเพจของเทสโก้ โลตัส มีแฟนเพจมากถึง 2.75 ล้านคน เป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจค้าปลีก และมีแฟนในแอพพลิเคชั่นไลน์มากกว่า 27 ล้านคน 

ด้านน.ส. อรสุรางค์ กีรติชีวนันท์ ผู้อำนวยการด้านบริหารจัดการสินค้าออนไลน์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) ค้าปลีกในกลุ่มบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี)  กล่าวว่า  ภาพรวมธุรกิจออนไลน์ของบิ๊กซีปีที่ผ่านมาทั้งในส่วนของธุรกิจออนไลน์ ทั้งบิ๊กซี ช็อปปิ้งออนไลน์ และ CDiscount  มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านยอดขาย จำนวนการสั่งซื้อ และจำนวนลูกค้า  ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก  ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ภาพรวม 5 เดือนที่ผ่านมาการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของบิ๊กซีฯ มีจำนวนออร์เดอร์สั่งซื้อ เพิ่มขึ้นกว่า 80% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับบริการในช่องทางออนไลน์ของบิ๊กซีฯ ในปัจจุบันนั้น  ทำการตลาดผ่านบิ๊กซีช้อปปิ้งออนไลน์  www.bigc.co.th  มีสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จำหน่ายภายในเว็บไซต์ดังกล่าวมากกว่า 18,000 รายการ   ซึ่งในส่วนของราคาขายก็วางไว้ในระดับถูกสุดสุดเช่นเดียวกับที่สาขา และนอกจากนั้น ยังมีโปรโมชั่นออนไลน์พิเศษด้วย  โดยลูกค้าที่สั่งออนไลน์ ในกรุงเทพและปริมณฑล และขอนแก่น อุดรธานี พัทยา ชลบุรี สามารถเลือกให้สินค้าไปส่งที่ปลายทางได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันเดียวกัน (หากสั่งก่อน 11.00 น.) หรือภายในวันรุ่งขึ้น (หากสั่งหลัง 11.00 น.) หรือจะเลือกจะมารับที่สาขาภายใน 4 ชั่วโมงก็ได้
 
นอกจากนี้ บิ๊กซีฯ ยังได้มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ  เพื่อจำหน่ายสินค้าในส่วนของกลุ่มอาหารสด  ด้วยการจับมือร่วมมือกับ Happy Fresh รับสั่งสินค้าอาหารสด และสินค้าอุปโภคบริโภค กว่า 13,000 รายการ ผ่านทาง Application Happy Fresh ซึ่งสามารถส่งสินค้าถึงมือลูกค้าภายในชั่วโมงถัดไป ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้สินค้าราคาถูกและสดตรงถึงมือแน่นอน
น.ส.อรสุรางค์  กล่าวต่อว่า  ลูกค้าที่ช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์สามารถเลือกซื้อสินค้าในราคาถูกสุดสุด เสมือนมาเดินจับจ่ายที่บิ๊กซี และยังได้รับคูปองส่วนลดท้ายบิล คะแนนสะสมบิ๊กการ์ด เหมือนที่ห้างทุกประการ นอกจากนั้น ยังมีคูปองเงินสดและคูปองส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าออนไลน์อีกด้วย บริการส่งฟรีหรือรับของที่สาขา ที่รวดเร็ว สะดวก ไม่ต้องรอคิว  พร้อมรับโปรโมชั่นและราคาเหมือนในห้าง บวกกับคูปองและส่วนลดออนไลน์เพิ่มเติม  ซึ่งหลังจากบริษัทออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นคาดว่าสิ้นปีจะมีจำนวนการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50%  ขณะที่อัตราส่วนของผู้ที่เข้ามาดูเว็บไซต์และตัดสินใจสั่งซื้อก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30%
 
จากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด  เนื่องจากปัจจุบันมีอานิสงส์ของบริการ 4G  และสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกลง  น่าจะทำให้คนไทยหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น  เพราะเป็นช่องทางที่มีความสะดวก  ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมสั่งซื้ออนไลน์ของบรรดาไฮเปอร์มาร์เก็ตขณะนี้  ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่มีน้ำหนัก เช่น น้ำดื่ม   และข้าวสาร  แต่หลังจากที่ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย  พร้อมเพิ่มรายการสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นเชื่อว่ารายการสินค้าอื่นๆ น่าจะได้รับความสนใจสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ก.ค. 2559 เวลา : 11:30:28
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 10:30 pm