ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ปรับโฉมพื้นที่ชั้น 2 เปิดโซนแฟชั่น 'เออร์บาโน่ (URBANO)'หวังสร้างคอมมูนิตี้สไตล์ลิสต์รุ่นใหม่ หลังสร้างฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัวได้ตามเป้าอัดงบการตลาดเต็มพิกัดเพื่อบูมกระแส คาดปี 59 มีอัตราเติบโตโดยรวม 15-20 %
ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มแฟชั่น ล่าสุดปรับพื้นที่ชั้น 2 เนรมิตเป็นโซน‘เออร์บาโน่ (URBANO)’ ดึงสินค้าและบริการด้านแฟชั่นมารวมไว้อย่างหลากหลาย พร้อมจัดโครงการประกวด URBANO STYLIST CONTEST ย้ำภาพคอมมูนิตี้คนรักแฟชั่นเมืองไทย มั่นใจการขยายโซน ‘เออร์บาโน่ (URBANO)’ จะดึง traffic กลุ่มใหม่เข้าศูนย์ฯ เพิ่มขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาได้ปรับโฉมศูนย์ฯ ใหม่ เพื่อเติมเต็มความต้องการกลุ่มครอบครัวได้สำเร็จ
นางสาวราชพฤกษ์ อุบลศรี ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย หนึ่งในโครงการภายใต้ธุรกิจรีเทลของ ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ เปิดเผยว่า ล่าสุด ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ได้ปรับปรุงพื้นที่บริเวณชั้น 2 เพื่อพัฒนาเป็นโซนใหม่ที่เรียกว่า ‘เออร์บาโน่ (URBANO)’ ทั้งนี้ โซนดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งสีสันที่พร้อมจะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในทุกมุมของการใช้ชีวิตคนเมืองที่รวมศิลปะและแฟชั่นทั้ง Arts, Crafts, Handmade, D.I.Y. style เข้าไว้ด้วยกันโดยมีรูปแบบผสมผสานแนว Loft, Industrial, Classic & Vintage สู่โลกศิลปะและแฟชั่นของคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเองไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเราคัดสรรร้านค้าที่มี DNA ของความเป็นคนรุ่นใหม่มารวมไว้ให้ได้เลือกช้อปกันแบบเต็มอิ่ม ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดึงกลุ่มสไตล์ลิสต์และผู้ที่ชื่นชอบด้านแฟชั่นมารวมตัวกันเพื่อเกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่เข้มแข็งได้ในอนาคต
“ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของเราคือกลุ่มครอบครัวและคนทำงาน โดยในวันธรรมดาศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย มีปริมาณ traffic อยู่ที่ 30,000 คนต่อวัน ในขณะที่วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ มีปริมาณ traffic เพิ่มขึ้นเป็น.35,000 คนต่อวัน โดยสามารถปล่อยเช่าพื้นที่ไปได้แล้วกว่า 90%” นางสาวราชพฤกษ์ อุบลศรี กล่าว “พูดได้ว่าฐานลูกค้าของเราในส่วนของกลุ่มคนทำงานและครอบครัวนั้นเติบโตขึ้นมาก เป็นผลจากการปรับโฉมของศูนย์ฯ เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและรวมเอากิจกรรมต่างๆ ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ความเป็นครอบครัวไว้อย่างลงตัว และจากการสำรวจภาพรวมตลาดศูนย์การค้าในปัจจุบันพบว่ายังขาดความชัดเจนด้านตลาดแฟชั่นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แฟชั่นบนถนนสุขุมวิทจะเป็นแบรนด์เนมทั้งของไทยและต่างประเทศเป็นหลัก ในทางกลับกันสินค้าแฟชั่นที่ผลิตโดยกลุ่มคนไทยที่มีไอเดียสร้างสรรค์มีอยู่น้อยมาก ทั้งที่สินค้าเหล่านั้นถือเป็นชิ้นงานอาร์ทที่มีกลุ่มคนที่ต้องการแต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย จึงได้รวมกลุ่มสินค้าดังกล่าวมารวมไว้บนพื้นที่ 1,600 ตารางเมตร เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย”
ต่อคำถามเกี่ยวกับแผนการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโซน ‘เออร์บาโน่ (URBANO)’ นั้น นางสาวราชพฤกษ์ กล่าวเสริมว่า “ล่าสุด เพื่อเป็นการสร้าง awareness ให้แก่โซน ‘เออร์บาโน่ (URBANO)’ ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย จึงได้ร่วมกับ นิตยสาร Lisa จัดโครงการประกวด URBANO STYLIST CONTEST ขึ้น ภายใต้แนวคิด “It’s not about Brand , It’s about Style” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดสไตล์ลิสต์รุ่นใหม่ ผู้ท้าทายความคิดสร้างสรรค์สะท้อนพลังไอเดีย ก้าวสู่การเป็นมืออาชีพของวงการแฟชั่นเมืองไทย โดยมุ่งหวังที่จะสร้างให้ ‘URBANO’ เป็นเวทีให้กลุ่มสไตล์ลิสต์รุ่นใหม่ได้มีโอกาสแสดงความสามารถเพื่อสร้างตัวตนที่แท้จริงในโลกแห่งแฟชั่นได้อย่างภาคภูมิ โดยโครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทอุดมศึกษาและประเภทบุคคลทั่วไป ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 70,000 บาท ซึ่งผลงานของทีมผู้ชนะเลิศจะถูกนำไปเผยแพร่ผ่านแฟชั่นเซตในนิตยสาร Lisa โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 20 ก.ค. ศกนี้ ผู้สนใจสามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/gatewayekamai”
ด้านมุมมองต่อภาพรวมตลาดรีเทลของไทยย่านใจกลางเมืองในปี 2559 นั้น นางสาวราชพฤกษ์ อุบลศรี กล่าวแสดงมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวว่า “ศูนย์การค้าย่านปทุมวัน ราชประสงค์ สุขุมวิท ยังคงเป็น prime area ของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันในพื้นที่ดังกล่าวย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่สิ่งที่ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัยยึดถือมาโดยตลอดก็คือ การแสวงหาความแปลกและแตกต่างที่เป็นที่ต้องการอย่างแท้จริง และเข้าไปเติมเต็มในส่วนที่ขาด ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรามาถูกทาง และเราเองจะเดินหน้านำเสนอความต่างเพื่อสร้างสีสันให้ไลฟ์สไตล์ของคนในย่านสุขุมวิทอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยในครึ่งปีหลัง 2559 ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย จะมีการเปิดตัวร้านค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดพื้นที่ให้เป็นศูนย์รวมอาหารที่หลากหลายในโซน Food Street บริเวณชั้น 4 บนเนื้อที่กว่า 1,300 ตารางเมตร รวมถึงการเปิดตัวของร้านอาหารชื่อดังจำนวนมาก ได้แก่ มานีมีหม้อ, Tenya, So Asean นอกจากนี้ในส่วนของความบันเทิงใหม่ๆ ภายในศูนย์ก็มีเพิ่มเติมด้วยเช่นกันทั้ง Flight Experience และเมืองจำลองStanley Miniventure ปิดท้ายด้วยการพัฒนาพื้นที่บริเวณชั้น 5 รวม 2,400 ตารางเมตร เพื่อเปิดตัว Office Zone ซึ่งจะพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559”
ข่าวเด่น