กองทุนรวม
เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุน MSI 21 ลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและตปท. ผลตอบแทน2.9%ต่อปี


 


เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุน MSI 21 ลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ทุก 3 เดือน ในอัตราเฉลี่ย 2.90%ต่อปี


เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 21 (MSI 21) ลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและนอกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทุก 3 เดือนตลอดอายุโครงการประมาณ 3 ปี ในอัตราเฉลี่ย 2.90%ต่อปี เปิดขายครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 13-25 กรกฎาคม 2559 
          
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 21 (MSI 21) ซึ่งลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและนอกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 3 เดือนเฉพาะผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.90 ต่อปีของมูลค่าหน่วยลงทุนที่ตราไว้ (10 บาท) เมื่อกองทุนเปิด MSI 21 ครบอายุกองทุน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด และสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงินหรือกองทุนเปิด MM-GOV เพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
 
          
กองทุนเปิด MSI 21 จะเน้นนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฏหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ซึ่งกองทุนเปิด MSI 21 จะลงทุนเพียงครั้งเดียว และถือทรัพย์สินไว้จนครบอายุของทรัพย์สินนั้น นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully hedge) ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจมีผลต่อกองทุน ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ
          
กองทุนเปิด MSI 21 เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และคาดหวังผลตอบแทนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยสามารถลงทุนได้อย่างน้อยประมาณ 3 ปี และผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
          
ตัวอย่างตราสารที่จะลงทุนซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB+ ได้แก่ หุ้นกู้บริษัทเอเซียเสริมกิจลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.71 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.72 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทดับลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.90 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 17 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.55 ต่อปี และตราสารที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ได้แก่ หุ้นกู้บริษัทช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ลงทุนร้อยละ 11 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.24 ต่อปี โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติมซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ คือ ไม่ต่ำกว่า BBB-
          
ประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนเปิด MSI 21 ร้อยละ 3.12 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนร้อยละ 0.22 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 2.90 ต่อปี หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
          
สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014 สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-288-955 สาขาภูเก็ต โทร.076-307-070 สาขาระยอง โทร. 038-942-960 และสาขาพิษณุโลก โทร. 055-008-980-2 หรือที่ www.mfcfund.com
 
 

LastUpdate 12/07/2559 12:03:05 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:47 am