จากพฤติกรรมการของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาดื่มกาแฟมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดร้านกาแฟภายในประเทศไทยยังคงมีความคึกคัก เห็นได้จากจำนวนร้านกาแฟที่เปิดให้บริการเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นร้านขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมร้านกาแฟในไทยมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อไปไม่ต่ำกว่า 20-25% ซึ่งในส่วนของปีนี้ก็มีการคาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดร้านกาแฟของไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20-25% เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดร้านกาแฟในประเทศไทยจะมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการไป เนื่องจากไม่สามารถหาจุดขายเข้ามาสู้คู่แข่งในตลาดได้ ประกอบกับคู่แข่งในตลาดมีจำนวนมาก ภาพรวมเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการทำตลาด ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะบริโภคกาแฟในร้านที่คุ้นเคยเสียเป็นส่วนใหญ่ จากปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้ร้านกาแฟทั้งแบรนด์ใหญ่ที่เป็นเชนอย่างอินเตอร์แบรนด์และแบรนด์ไทยต้องปิดกิจการไปในที่สุด
แต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้ประกอบการร้านกาแฟหลายรายถอนทัพออกไปจากตลาด แต่ในส่วนของร้านกาแฟอินเตอร์แบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ใหญ่ติดตลาดอย่างสตาร์บัคส์ และคอฟฟี่เวิลด์ยังคงฟาดฟันแข่งแย่งลูกค้ากันอย่างดุเดือด เห็นได้จากจำนวนสาขาที่แต่ละแบรนด์ประกาศขยายเพิ่ม นอกจากนี้ยังแข่งกันในด้านของการดีไซน์ร้านให้มีความสวยงามและเก๋ไก๋ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยมีความชื่นชอบในการถ่ายรูป จึงทำให้ร้านกาแฟอินเตอร์แบรนด์หันมาชูจุดเด่นในด้านดังกล่าวมากขึ้นโดยเฉพาะร้านสตาร์บัคส์
นายเมอร์เรย์ ดาร์ลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้ามาเปิดให้บริการร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ในประเทศไทยถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากร้านสตาร์บัคส์สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในประเทศไทย ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ประสบการณ์การดื่มกาแฟให้กับผู้บริโภคชาวไทยในรูปแบบของสตาร์บัคส์ เพื่อสร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาให้ความสนใจในเรื่องของกาแฟ และหันมาดื่มกาแฟมากขึ้น ส่งผลให้ปี 2559 ร้านสตาร์บัคส์ มียอดขายกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ภายในร้านสูงถึง 3.5ล้านแก้วต่อเดือน ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้สตาร์บัคส์ มีแผนที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวร้านรูปแบบใหม่ สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ (Starbucks Reserve Experience Store) แห่งแรกในประเทศไทย ที่ ศูนย์การค้าเกษร เพื่อยกระดับประสบการณ์การดื่มกาแฟ ผ่าน 3 นวัตกรรม “เมล็ดกาแฟ –ศาสตร์และศิลปะการชง–บาริสต้า” มอบประสบการณ์กาแฟชนิดพิเศษที่หายากและมีจำนวนจำกัดผ่านเครื่องชงกาแฟ Victoria Arduino VA 388 Black Eagle ที่ใช้ในการแข่งขัน Barista Championship ประจำปี 2015–2016 รวมถึง Starbucks Reserve™Experience Bar ที่เพิ่มความพิเศษให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟด้วยเครื่องชงหลากหลายรูปแบบอย่างใกล้ชิด โดยมีคอฟฟี่มาสเตอร์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านกาแฟเป็นผู้สร้างสรรค์กาแฟแก้วพิเศษให้กับลูกค้า โดยในส่วนของราคาในร้านดังกล่าวจะมีราคาขายสูงกว่าสาขาทั่วไป 15-20%
นายเมอร์เรย์ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในประเทศไทย สตาร์บัคส์ได้ให้บริการที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน สตาร์บัคส์มีจำนวนทั้งสิ้น 262 สาขาทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น ร้านสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ลีดเดอร์ชิพ สโตร์ (Starbucks Coffee Leadership Store) จำนวน 20 สาขา โดยมีสาขา ศูนย์การค้าเกษร เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นร้านต้นแบบ ร้านแบบไดร์ฟทรู จำนวน 14 สาขา และร้านสตาร์บัคส์ทั่วไปอีก 228 สาขา ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาใหม่แล้ว สตาร์บัคส์ ยังให้ความสำคัญในการเป็นผู้นำในการสร้างร้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน สตาร์บัคส์มีร้านกาแฟสีเขียวที่ผ่านมาตรฐาน LEED® ที่เป็นมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกให้การยอมรับ 42 สาขา นับเป็นประเทศที่มีจำนวนร้านสตาร์บัคส์ กรีนสโตร์ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ร้านสตาร์บัคส์เร่งเดินหน้าขยายสาขาและทำการตลาด เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดร้านกาแฟในประเทศไทย ในส่วนของร้านกาแฟคอฟฟี่เวิลด์เองก็เดินหน้าลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ขณะเดียวกันยังมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ อย่างโมบายทรัคและแคเทอริ่ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีกด้วย
นายดาเรน ไวท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารร้านคอฟฟี่เวิลด์ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจ 5 ปีจากนี้ ( 2559-2563) บริษัทมีแผนที่ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 250 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของบริษัทฯ ไม่นับรวมแฟรนไชส์ที่คาดว่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยที่ปีละประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาร้านคอฟฟี่เวิลด์ไปในทำเลใหม่ๆ เช่น มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันร้านคอฟฟี่เวิลด์ที่เข้าไปเปิดให้บริการในสถานที่ดังกล่าวปัจจุบันมีไม่ถึง 10% ของจำนวนสาขาทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายไปในส่วนของโมบายล์ทรัคและแคเทอริ่ง เนื่องจากเทรนด์บริการดังกล่าวกำลังเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้บริโภค โดยในส่วนของ ปีนี้ร้านคอฟฟี่เวิลด์คาดว่าจะเปิดใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 20 สาขา ขณะนี้เปิดไปแล้ว 5 สาขา คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเปิดอีก 15 สาขาได้ครบตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปัจจุบันร้านคอฟฟี่เวิลด์มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการรวมที่ประมาณ 100 สาขาในประเทศไทย และในต่างประเทศอีกประมาณ 40 สาขา ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นของบริษัท 60% และแฟรนไชส์ 40%
ทั้งนี้ หลังจากมีการเปิดขายแฟรนไชส์มากขึ้นคาดว่าอีก 2 ปีสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 60% ขณะที่ร้านที่เป็นของบริษัทจะเหลือ 40% ซึ่งภายใน 3 ปีจากนี้คาดว่าในประเทศไทยจะมีสาขารวมกันไม่ต่ำกว่า 200 สาขา ส่วนในต่างประเทศปีนี้มีแผนที่จะเปิดอีก 4 สาขาที่มาเลเซียในรูปแบบคอฟฟี่เวิลด์เรสเตอรองต์ส จากเดิมมี 1 สาขา เป็นของแฟรนไชส์ลงทุน ส่วนที่พม่ามีแล้ว 1 สาขา และจะเพิ่มอีก ส่วนที่บังกลาเทศมีแล้ว 4 สาขา จะเปิดอีก 4 สาขา และประเทศอื่นจะขยายต่อเนื่อง เช่น จีนอีก 5 ปีจะเป็น 10 สาขา อินเดีย บาห์เรน ลาว เป็นต้น ซึ่งในอีก 5 ปีจากนี้สาขาในต่างประเทศจะดับเบิลเป็น 80 สาขา
สำหรับช่องทางการจำหน่ายผ่านโมบายล์ทรัคนั้น ในเดือนก.ย.นี้มีแผนที่จะเปิดตัวธุรกิจในรูปแบบดังกล่าว โดยบริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จะเป็นผู้ลงทุนเองก่อนเบื้องต้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 1.5- 2 ล้านบาทใกล้เคียงกับร้านทั่วไป เน้นเปิดให้บริการตามงานเทศกาลต่างๆ ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่จะนำมาจำหน่ายก็จะมีทั้งความเหมือนและแตกต่างไปจากร้านทั่วไปเล็กน้อย
หลังจากบริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์)ออกมาขยายธุรกิจร้านคอฟฟี่เวิลด์อย่างต่อเนื่อง ก็คาดว่าหวังว่าสิ้นปี 2559 นี้ จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท จากการทำตลาดร้านกาแฟ 4 โมเดลในประเทศไทย คือ ร้านทั่วไป ร้านคอฟฟี่เวิลด์เรสเตอรองต์ส ปัจจุบันมี 2 สาขา คือ โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ และเนอร์วานา ร้านคอฟฟี่เวิลด์โกลด์ ปัจจุบันมีที่สาขาสยามพารากอน และร้านแบบโมบายล์ทรัก ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวในเดือนก.ย.นี้
นอกจากจะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาแล้ว ล่าสุดร้านคอฟฟี่เวิลด์ ยังได้มีการปรับรูปแบบร้านใหม่ในรูปแบบ ลอฟต์สไตล์ (LOFT STYLE) เน้นความเรียบ โชว์ความเปลือยของวัสดุที่ผสมผสานระหว่าง อิฐ ไม้ ปูน เหล็ก โดยขณะนี้ได้เริ่มทยอยปรับปรุงร้านไปแล้วหลายสาขาด้วยกัน การออกมาปรับตัวครั้งใหญ่ของร้านกาแฟอินเตอร์แบรนด์ในครั้งนี้น่าจะทำให้ภาพรวมตลาดร้านกาแฟมีความคึกคักเพิ่มขึ้นอีกมากพอสมควร
ข่าวเด่น