การตลาด
สกู๊ป....ไฮเออร์กร้าวประกาศนั่งท็อป 3 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย






 


หลังจากกลุ่มไฮเออร์ อิเล็กทรอนิกส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ไฮเออร์  ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีน  เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2545 ด้วยการเข้ามาก่อตั้งบริษัท  ไฮเออร์ ประเทศไทย จำกัด กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ฯ ก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นในการของการนำสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย หรือการเข้าซื้อกิจการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง  เพื่อนำมาต่อยอดการทำธุรกิจในประเทศไทยและต่างตลาดต่างประเทศ  เนื่องจากปัจจบันประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ฯ ในการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดตลาดทั่วโลก
 
แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเริ่มจากปี 2550 กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ฯ ได้เข้าซื้อกิจการโรงงานของบริษัท ซันโย ยูนิวเอร์แซล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)  ซึ่งหลังจากซื้อกิจการมาก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไฮเออร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด(หมาชน)  พร้อมตั้งบริษัทขายของตัวเอง คือ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านของงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์  และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ล่าสุด  กลุ่มบริษัทไฮเออร์ ก็ได้มีการซื้อกิจการจีอี แอพพลายแอนซ์  ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของไฮเออร์  เพื่อขยายกิจการในสหรัฐอเมริกาและในซีกโลกตะวันตก เนื่องจากสำนักงานใหญ่ของจีอี แอพพลายแอนซ์ตั้งอยู่ในหลุยส์วิลล์ เคนตักกี้  ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของไอเออร์ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระภายใต้แนวทางของคณะกรรมการที่มีทีมผู้บริหารอาวุโสปัจจุบันของจีอีเข้าร่วมเป็นกรรมการ เพื่อคอยแนะนำในด้านกลยุทธ์และการปฏิบัติงานในธุรกิจ พร้อกับสร้างแบรนด์ของไฮเออร์ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น
 
 
สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในปีนี้กลุ่มไฮเออร์ยังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทยเป็นอันดับ 1 สำหรับภูมิภาคอาเซียน  เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นฐานการส่งออกที่สำคัญของภูมิภาค หลังจากใช้งบก้อนโตเข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้าในประเทศไทยที่ อ.กบินทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี  ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการซื้อเครื่องจักรใหม่  เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวของตลาดทั่วโลก  
นอกจากนี้ ไฮเออร์ ยังมีแผนที่จะเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากแผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้อีก 2 ปีหรือประมาณปี 2561 ไฮเออร์มีแผนที่จะนำพาแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าของตัวเองนั่งแท่นท็อป 3 ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในประเทศไทย  ภายหลังจากผู้บริโภคชาวไทยให้การยอมรับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีนมากขึ้น

นายหยาง เสี้ยวหลิน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ กล่าวว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้อีก 2 ปี บริษัทแม่ได้วางเป้าหมายให้ไฮเออร์มียอดขายขึ้นมาติดอยู่ในอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย  ด้วยการให้งบลงทุนสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง  และในปีนี้บริษัทแม่ก็ได้มีการอนมัติงบประมาณ 50 ล้านบาท  ในการซื้อเครื่องจักรใหม่  เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต  พร้อมกับลงทุนพัฒนาในส่วนของศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าหหรือ  R&D  เพื่อให้สินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง 
 
 
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไฮเออร์จะให้ความสำคัญในการทำตลาดในปีนี้ยังคงเป็นในส่วนของตู้เย็น  โดยในปีนี้จะมีการปรับปรุงสายการผลิตใหม่  ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติม  เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ที่จะมีการเพิ่มกำลังการผลิต  เนื่องจากปีนี้กลุ่มเครื่องปรับอากาศมียอดขายเติบโตดีมาก  เพราะอากาศในประเทศปีนี้ร้อนจัด  นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มห้องทดลองติดตั้งเครื่องปรับอากาศ  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าให้มีคุณภาพการใช้งานที่ดีมากขึ้น  ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่จะให้ความสำคัญ คือ  เครื่องซักผ้า  โดยในปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200,000 เครื่อง/ปี  เพื่อรองรับกำลังซื้อในประเทศและตลาดต่างประเทศ
       
นายหยาง กล่าวต่อว่า  แผนการขึ้นแท่นท็อป 3  ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่มของบริษัทในครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก  ดังนั้นบริษัทจึงต้องเตรียมความพร้อมหลายด้านไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ R&D   หรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างแบรนด์ เพิ่มช่องทางขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เตรียมตกแต่งหน้าใหม่เพิ่ม รวมถึงมีแผนการที่จะเปิดตัว ไฮเออร์ชอป เพื่อเป็นหน้าร้านที่นำเสนอและวางจำหน่ายเฉพาะแบรนด์ไฮเออร์โดยเฉพาะ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งตามแผนเตรียมจะเปิดอย่างน้อย 1 สาขาในปีนี้

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นใหม่แบบฝากระจกเข้าทำตลาด  เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค  โดยในส่วนของสินค้ารุ่นนี้จะเป็นรุ่น Power Flow Plus  สามารถมองเห็นการทำงานทุกขั้นตอน ด้วยขนาดสำหรับซักผ้า 14 กิโลกรัม  ซึ่งเป็นขนาดใหญ่ที่สุดที่ไฮเออร์ผลิตและจำหน่าย  ซึ่งในส่วนของสินค้ารรุ่นใหม่ดังกล่าวจะเน้นไปที่คุณสมบัติเรื่องของฟังก์ชั่น ดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าครอบครัว  ซึ่งนอกจากจะมีขนาด 14 กิโลกรัมแล้วยังจะมีขนาด 8 กิโลกรัม 9 กิโลกรัม 10 กิโลกรัม และ 12 กิโลกรัม  โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดรวม 10 รุ่น เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่เปิดตัวไปเพียง 3-4 รุ่นเท่านั้น  ซึ่งหลังจากหันมารุกทำตลาดเครื่องซักผ้ามากขึ้นคาดว่าสิ้นปี 2559 จะมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องซักผ้าเพิ่มเป็น 10%  จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 4% เท่านั้น 
 
 

นอกจากนี้ในกลุ่มสินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ตู้แช่  หรือเครื่องปรับอากาศก็มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  โดยสิ้นปี ไฮเออร์ คาดว่าจะมีรายได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,600 ล้านบาท เติบโต 15%  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา  เนื่องจากครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้เข้ากระเป๋าไปแล้ว 1,500 ล้านบาท หรือมีรายได้เติบโตที่ประมาณ 16.8% สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 15% เพราะกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นๆ มียอดขายเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี  แม้ว่าจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทย ในส่วนของตลาดส่งออกก็ยังคงให้ความสำคัญเช่นกัน  แม้ว่าปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจโลกชะลอตัว  แต่ ไฮเออร์ ก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในตลาดใหม่ๆ  เพื่อเสริมรายได้  เช่น การขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี  ประกอบด้วย  พม่า  ลาว  เวียดนาม  และกัมพูชา  รวมไปถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น  เนื่องจากตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

พร้อมกันนี้  ยังมีแผนที่จะลดต้นทุนในด้านต่างๆ เช่น ด้านวัตถุดิบ ด้วยการสั่งซื้อวัสดุอุปกรณ์ครั้งละมากๆ เพื่อให้มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพในการทำงานมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการปลดคนงาน  รวมไปถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำนตลาดอย่างต่อเนื่อง  ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ  ซึ่งหลังจากออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจในด้านของการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ  ไฮเออร์ คาดว่าสิ้นปี 2559 จะมีรายได้จากการส่งออกเติบโตได้ที่ 10% จากปี 2558 ที่มีรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท

แม้ว่าปัจจุบันภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าจากประเทศไทยจะได้การยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น  แต่ ไฮเออร์ ก็ยังคงต้องทำงานหนักในการสร้างแบรนด์สินค้าให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค  เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะแบรนด์เกาหลี  ที่ยังคงฟาดฟันยอดขายกันอย่างหนักหน่วงในสินค้าทุกกลุ่ม  ขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นเองก็ยังคงปกป้องส่วนแบ่งการตลาดของตัวเองไว้อย่างเหนี่ยวแน่น  นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากยุโรปเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ดังนั้น การจะขึ้นมาติดท็อป 3 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเป็นงานหนักสำหรับ 'ไฮเออร์ '
       

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.ค. 2559 เวลา : 09:35:40
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 12:44 am