นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 106 (KTFF106 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China ( Macau) , China Construction Bank (Asia) Corp.Ltd , Agricultural Bank of CHINA , Union National Bank PJSC และ First Gulf Bank PJSC ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงิน และผลตอบแทนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
ทั้งนี้ IMF ได้มีการเตือนเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ และความเสี่ยงขาลงเพิ่มากขึ้น รวมทั้งความไม่แน่ตนอนทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นหลัง Brexit พร้อมทั้ง แนะนำให้ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างเยอรมนี และสหรัฐฯ เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐด้านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อช่วยเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ส่วนการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ( ECB ) ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวงเงิน QE ขณะที่ผลกระทบของ Brexit ยังจำกัดอยู่ในอังกฤษ และยุโรปมากกว่าภูมิภาคอื่น แต่ในทางกลับกันสหรัฐ ได้รับผลกระทบน้อย และเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และเชื่อว่าการประชุมเฟดในครั้งนี้ จะยังคงดอกเบี้ยในระดับเดิม
ส่วนทางด้านเศรษฐกิจไทยแนวโน้มเชิงบวกมากขึ้น จากตัวเลขนักท่องเที่ยวผ่านด่านสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองเดือนกรกฎาคม ขยายตัว 18 % สะท้อนภาคการท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ภาครัฐร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนสถาบันการเงินทำธุรกิจเกี่ยวกับ Fin Tech เพื่อนำนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น คาดว่าไตรมาส 4 จะสามารถประกาศใช้ได้ โดยเน้นการแก้ไขผ่อนปรนกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น เช่น การแก้ไขระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงิน การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเปิดโอกาสให้ธุรกิจอื่นเข้ามาเป็นสมาชิกได้ด้วย อีกทั้งภาครัฐยังมีนโยบายกระตุ้นความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบรัฐวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ( SMEs) ให้มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดี พร้อมปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนให้เป็นระบบที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และช่วยขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของไทย
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุนทั้งในต่างประเทศ โดยนักลงทุนต่างชาติเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 4,139 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นผลการประชุม FOMC และBOJ ผลกระทบของ Brexit ต่อตลาดการเงินทั่วโลก ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของตลาดการเงินหลังการลงประชามติถอนตัวออกจาก EU ของ UK (Brexit) และจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะมีการผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจาก Brexit โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps มาอยู่ที่ 0.59% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 9 bps. มาอยู่ที่ 0.99% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 13 bps.มาอยู่ที่ 1.44% ต่อปี
ข่าวเด่น