การส่งออกของไทยเริ่มมีสัญญาณที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง หลังราคาน้ำมันเริ่มทรงตัวไม่ปรับลดลงอย่างในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า แนวโน้มการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน เพราะขณะนี้น้ำมัน ซึ่งเคยเป็นปัจจัยลบได้ทรงตัวอยู่ในระดับที่ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเริ่มมีทิศทางส่งออกดีขึ้น เชื่อว่า จากนี้ไปการส่งออกจะกลับมาเป็นบวกได้ และยังคงเป้าหมายส่งออกที่ 5% ไว้เป็นเป้าทำงาน รองลงมาประเมินไว้ที่ 2-3% แต่ที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด คือ บวกหรือติดลบไม่เกิน 1% เพราะเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง และเป็นปัจจัยกดดันที่มีความเสี่ยง
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ปรับแผนผลักดันการส่งออก โดยได้ประเมินเป็นรายตลาดว่าตลาดไหนมีโอกาส ก็จะเร่งผลักดันสินค้าไทยเข้าไปขาย โดยตลาดที่ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน สินค้าจากจีน ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป กรมฯก็จะพยายามหาทางผลักดันส่งออกเข้าไปทดแทน หรือการเร่งผลักดันสินค้าในกลุ่มอาหารทะเล สิ่งทอ และน้ำตาล ที่ได้รับผลดีจากการปรับลดอันดับการค้ามนุษย์มาอยู่ที่ Tier2 Watch List
ส่วนมุมมองของภาคเอกชนนายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) มองว่า การส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้การส่งออกคงไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม และอาจจะทยอยฟื้นตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับตลาดส่งออกไทยระยะข้างหน้า เชื่อว่าตลาดที่เติบโตได้ยังเป็นกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งกลุ่มนี้ที่ผ่านมาแม้ภาพรวมจะหดตัวบ้าง แต่ถ้าตัดเรื่องของน้ำมันกับทองคำออกไป การส่งออกในกลุ่มนี้ยังโตได้ 4-5%
แต่การส่งออกไปกลุ่มซีแอลเอ็มวี ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะสัดส่วนการส่งออกเทียบกับการนำเข้าของกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 50% ดังนั้นหากเราไม่หาสินค้าส่งออกใหม่ๆ หรือไม่เปิดตลาดสินค้าใหม่ๆ ที่ส่งไปยังกลุ่มประเทศนี้ การเติบโตคงไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้มากนัก
ขณะที่นายสมประวิณ มันประเสริฐ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตัวเลขเดือนล่าสุดที่ออกมาถือว่าหดตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ และถ้าดูในรายละเอียดการส่งออกก็พบว่า สินค้าหลายตัวเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดนผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกน้อยลง จะมีสินค้าบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่ดีนัก จึงเชื่อว่าแนวโน้มการส่งออกจากนี้ไปจะค่อยๆ ดีขึ้น
แต่การส่งออกที่เริ่มดีขึ้นก็ยังไม่สามารถวางใจได้ โดยในมุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ดร.เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในช่วงครึ่งปีหลัง คือเรื่องการส่งออกที่ทั้งปีคาดว่าจะติดลบที่ 2% แม้ว่าตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน จะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งเป็นการหดตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ แต่ครึ่งปีหลังมีโอกาสติดลบมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ทำให้การค้าของอังกฤษและยุโรปชะลอตัวลง
ข่าวเด่น