ถือเป็นปีที่ดีของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เลยทีเดียวสำหรับปีนี้ เพราะหลังจากคว้าชัยชนะในการประมูลคลื่นความถี่1800 MHz และ 900 MHz ส่งผลให้ปัจจุบันทรูมูฟ เอช กลายเป็นเครือข่าย 4G อันดับหนึ่ง ครอบคลุมทั่วไทย บนคลื่น 900/1800/2100MHz หลังจากฉลองความสำเร็จนั้นได้ไม่นาน ทรู คอร์ปอเรชั่น ก็ได้รับข่าวดีในเรื่องของการได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ บนช่องบีอิน สปอร์ตส์ ครบทุกแมจช์ตลอด 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2016/2017 2017/2018 และ2018/2019 ครบทั้ง 380 แมตช์
นอกจากนี้ ยังได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการยักษ์ใหญ่ระดับโลก และไทยพรีเมียร์ลีก รวม 6 ลีกดัง และ 5 ถ้วยยักษ์ กว่า 1,500 แมตช์ รายเดียวในประเทศไทย ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ต้องเดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจทุกแพลตฟอร์ม ด้วยการนำเสนอราคาการชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ ผ่านแพ็กเกจ “ทรู ซูเปอร์ ซอคเกอร์” สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช ดูผ่านมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น True ID เพียงเดือนละ 29 บาท หรือดูผ่านกล่องทรูวิชั่นส์เพียงเดือนละ 199 บาท ซึ่งลูกค้าสามารถสมัครได้แล้ววันนี้ผ่านแอพพลิเคชั่น True ID
นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ รองหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เพื่อร่วมฉลองทรูมูฟ เอช เครือข่าย 4G อันดับหนึ่ง ครอบคลุมทั่วไทย บนคลื่น 900/1800/2100 MHz. ที่ให้ลูกค้าสามารถสื่อสารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัจจุบันทรูมูฟ เอชเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มีเครือข่ายดีที่สุด ทั้งความเร็วและครอบคลุมมากที่สุดในไทยถึงกว่า 98% ของประชากรไทย และเพื่อเติมเต็มศักยภาพโครงข่ายที่เต็มประสิทธิภาพของกลุ่มทรู รวมทั้งทรูออนไลน์ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต อันดับ1 ด้วยเทคโนโลยี TRUE Super Speed FIBER ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดแล้ว 10 ล้านครัวเรือนภายในสิ้นปี และทรูวิชั่นส์ เพย์ทีวีอันดับหนึ่ง ด้วยการรวบรวมคอนเทนต์ที่ดีที่สุดทั้งจากในประเทศและนอกประเทศมาให้บริการกลุ่มลูกค้า 3.3 ล้านครัวเรือน หรือประชากรไทย 12 ล้านคน
ในส่วนของคอนเทนต์ที่นำมาเสนอลูกค้าในครั้งนี้ กลุ่มทรู ได้มีการคัดสรรและใช้งบลงทุนจำนวนมาก เพื่อให้ได้คอนเทนต์ที่ดีที่สุดมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น หนึ่งในนั้น คือ การนำคอนเทนต์กีฬาฟุตบอลยอดนิยมของคนไทยอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ,โตโยต้า ไทยลีก และฟุตบอลยอดฮิตรวม6ลีกดังมาให้บริการ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกรับชมได้ทั้งผ่านมือถือทรูมูฟ เอช และหน้าจอทีวี ในรูปแบบการสมัครสมาชิกเพย์ทีวี ของทรูวิชั่นส์ ซึ่งในส่วนของแพ็คเกจที่นำเสนอในปีนี้ถือว่าคุ้มค่ากว่าปีผ่านๆมา
นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การได้รับลิขสิทธิ์ช่องบีอิน สปอร์ตส์ ที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะไม่หยุดนิ่งในการสรรหาความพิเศษเพื่อมอบให้กับลูกค้าของเรา โดยล่าสุดได้เจรจาลิขสิทธิ์กับบีอิน สปอร์ตส์ พันธมิตรด้านคอนเทนต์ชั้นนำ จนสามารถได้ถ่ายทอดสดของช่องบีอิน สปอร์ตส์ที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษให้แฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศได้รับชม เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ฤดูกาล 2016/2017 – 2018/2019 ครบทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล
ส่วนการการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลยอดนิยมอีก 6 ลีกดังที่ได้รับสิทธ์การถ่ายทอดสดมาอีกประมาณ 1,500 แมตซ์ ประกอบด้วย ลา ลีกา สเปน ลีก แดนกระทิงดุ ที่มีซูเปอร์สตาร์ที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และคริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ลีกเอิง ฝรั่งเศส เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา หรือสุดยอดลีกของไทยอย่าง โตโยต้า ไทยลีก ก็ล้วนแต่เป็นกีฬาที่คนไทยให้ความสำคัญทั้งสิ้น
จากลิขสิทธิ์ที่ได้รับดังกล่าว กลุ่มทรู จึงได้มีการส่งแพ็กเกจ “ทรู ซูเปอร์ ซอคเกอร์” เข้ามาเอาใจแฟนกีฬาในประเทศไทย เริ่มด้วยสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช ดูผ่านมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น True ID เพียงเดือนละ 29 บาท หรือดูผ่านกล่องทรูวิชั่นส์ เพียงเดือนละ 199 บาท สมัครได้แล้ววันนี้ ผ่านแอพพลิเคชั่น True ID ส่วนลูกค้าใหม่ ก็รับสิทธิ์ชมการแข่งขันได้ เพียงเปิดเบอร์ทรูมูฟ เอช พร้อมซื้อแพ็กเกจ 390 บาท รับฟรี! กล่องทรูดิจิตอลเอชดี ได้ที่ทรูช้อปและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์แพลทินัมแพ็กเกจทั้งเก่าและใหม่ ก็รับสิทธิ์ชมฟรีตลอดฤดูกาลไปทันทีถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2560 ส่วนแพ็กเกจรายเดือนอื่นๆ ก็สามารถรับสิทธิ์การชมการแข่งขันกีฬาแมตช์สำคัญดังกล่าวได้ เมื่อซื้อแพ็กเสริมเพียงเดือนละ 299 บาท และลูกค้าที่ดูผ่านกล่องทรูดิจิตอล เอชดี (แบบไม่มีรายเดือน) เพียงเดือนละ 399 บาท
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว กลุ่มทรู คาดหวังว่าลูกค้าทรูมูฟเอชที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 29 ล้านราย ในกลุ่มที่ชื่นชอบการชมกีฬาฟุตบอลจะสมัครเข้ามาใช้บริการนี้ และคาดหวังจากจำนวนประชากรไทยทั้งหมดที่ติดตามการถ่ายทอดฟุตบอลทุกลีก 20-30% สนใจซื้อแพ็กเกจที่ทรูมูฟเอชคัดสรรมา ให้ลูกค้าได้เลือกใช้บริการ
ส่วนธุรกิจเพย์ทีวี ของทรูวิชั่นส์ กลุ่มทรูก็คาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มีอยู่ในมือประมาณ 3.3 ล้านราย แบ่งเป็นจ่ายค่าบริการรายเดือน 1.5 ล้านราย และขายกล่องขาดอีก 1.5 ล้านราย เข้ามาให้ความสนใจซื้อแพ็คเกจเสริม เพื่อรับชมรายการกีฬาดังที่กลุ่มทรูนำมาเสนอ เพราะจากผลการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยพบว่า คนไทยติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมากถึง 30% ของประชากรทั้งประเทศ และอีกประมาณ 30% ให้ความสนใจการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ซึ่งแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเป็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจและฐานลูกค้าของทรูวิชั่นส์
ขณะที่กลุ่มทรูเดินหน้าลุยเปิดตัวแพ็ตเกจการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษอย่างครบถ้วนทุกแมตช์การแข่งขัน ในส่วนของสถานีโทรทัศน์ พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ในฐานะฟรีทีวีเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก ยาง 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล2016/ 2017 2017/2018 และ 2018/2019 มาครอบครองก็ออกมาเปิดโผ 5 แมตช์ยักษ์แรกที่จะระเบิดความมันส์เปิดฤดูกาลแรก เพื่อเอาใจแฟนๆ ลูกหนังอังกฤษ โดยจะเริ่มแมตช์แรกในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ช่วงไพร์มไทม์ (Prime Time)
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้รับสิทธิ์ให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษผ่านฟรีทีวีเพียงช่องเดียวในประเทศไทย ตอนนี้บริษัทพร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาแมตช์ดังกล่าว เริ่มจาก 5 แมตช์สำคัญที่คนไทยจะต้องดูประเดิมด้วยคู่ ลิเวอร์พูล ปะทะ อาร์เซนอล, เบิร์นลีย์ ปะทะ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ วัตฟอร์ด, เลสเตอร์ ซิตี้ ปะทะ แมนฯ ยูไนเต็ด และคู่แดงเดือดมันส์ตลอดกาลอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล ซึ่งวันอาทิตย์ที่ 14 ส.ค.นี้จะเป็นการออกอากาศแมตช์แรก
ทั้งนี้ นอกจากจะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ พีพีทีวี ได้สิทธิ์ 3 ฤดูกาลแล้ว พีพีทีวี ยังได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชั้นนำระดับโลกมาให้ชมอีก 3 ลีกดัง ประกอบด้วย บุนเดสลีกา เยอรมัน, กัลโช เซเรียอา อิตาลี และ ลาลีกา สเปน รวมถึงฟุตบอลถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก และ ยูฟา แชมเปียนส์ คัพ
การออกมาใส่คอนเทนต์กีฬาของช่องพีพีทีวี ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการขยายฐานผู้ชมให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันช่องพีพีทีวี เอชดี 36 ถือว่ามีเรตติ้งที่ไม่สูงมากนัก การได้รับสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาแมตช์สำคัญๆที่คนไทยให้ความสนใจ จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีที่ทำให้พีพีทีวีมีคนรู้จักมากขึ้น และมีเรตติ้งเพิ่มขึ้น เพราะเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นหมายถึงรายได้ที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย
ข่าวเด่น