บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น เผยความสำเร็จการโอนห้องชุดเดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ในโครงการมหานครในไตรมาสที่ 2 รวมมูลค่า 937 ล้านบาท จากยอดขายทั้งหมด 1 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าโอนห้องได้มากขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 พร้อมรุกจัดอีเวนท์ใหญ่ ‘MAHANAKHON: BANGKOK RISING, THE NIGHT OF LIGHTS’ และโรดโชว์ฮ่องกง หวังปิดการขายห้องชุดที่เหลือ 30% ในปี 2560
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ปัจจุบันเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ในโครงการมหานครมียอดขายกว่า 70% และเพื่อปิดการขายให้ได้ในปีหน้า เราจึงได้เตรียมแผนการการตลาด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมโรดโชว์ที่ประเทศฮ่องกง และห้องตัวอย่างใหม่บนตึก รวมถึงการจัดอีเว้นท์ในครั้งนี้เพื่อสร้างกระแสการรับรู้และต่อยอดการขายในระดับนานาชาติ รวมทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ส่วนอื่นๆ ในโครงการไปในตัวก่อนที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปีหน้า ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหารบนยอดตึก จุดชมวิว รวมถึงพื้นที่รีเทล มหานคร คิวบ์ และ มีเดีย วอลล์ ซึ่งจะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท โดย PACE มีความตั้งใจที่จะสร้างจุดชมวิวบนชั้นสูงสุดของอาคารมหานครแห่งนี้ให้เป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวที่ทันสมัยเทียบเท่ากับจุดชมวิวบนอาคารสูงในเมืองหลักๆ ของโลก โดยคาดว่าจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 6 ล้านคนต่อปี และมีรายได้หลักจากการจำหน่ายบัตรและของที่ระลึก โดยหลังจากเปิดให้บริการส่วนโรงแรม ร้านอาหาร และจุดชมวิวได้ประมาณ 1-2 ปี บริษัทฯ มีแผนที่จะนำรายได้ส่วนนี้จัดตั้งกองทุน REIT ต่อไป”
“เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จด้านการก่อสร้าง ‘มหานคร’ อาคารที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย 314 เมตร PACE พร้อมด้วยผู้สนับสนุน ได้แก่ SCB, CITI รวมถึง BMW ได้เตรียมจัดงาน ‘MAHANAKHON: BANGKOK RISING, THE NIGHT OF LIGHTS’ ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ โดยมีไฮไลท์เป็นไลท์โชว์บนตึกสูงครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่ง PACE ได้นำเทคโนโลยีการฉายแสงจากประเทศเกาหลี ออกแบบโชว์พิเศษที่ล้อไปกับแนวพิกเซลที่โอบล้อมตัวอาคารที่สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมของกรุงเทพมหานคร เพื่อประกาศความสำเร็จและยกระดับกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองหลวงโลก” นายสรพจน์ กล่าว
นอกจากการแสดงไลท์โชว์บนอาคารมหานครแล้ว ในวันและเวลาเดียวกัน PACE ยังได้เตรียมจัดคอนเสิร์ตบริเวณ ’มหานคร สแควร์’ เพื่อขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโครงการมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยจะมีการแสดงคอนเสิร์ตโดยศิลปินโอเปร่าระดับโลก
‘โฮเซ่ การ์เรรัส’ พร้อมด้วยศิลปินชื่อดังของไทย อาทิ ‘ไทเทเนียม’ ‘ดา เอ็นโดรฟิน’ ‘กิต เดอะวอยซ์’ และ ‘น้ำมนต์
ธีรนัยน์’ และเพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การก่อสร้างอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย PACE ยังได้จัดแคมเปญกิจกรรมประกวดภาพถ่ายไลท์โชว์บนตึกมหานคร ชิงรางวัลบัตรขึ้นจุดชมวิว ‘มหานคร ออบเซอเวชั่น เด็ค’ 10,000 รางวัล พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
นายสรพจน์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า โครงการมหานคร ณ 8 ส.ค. 2559 มียอดโอนรวม 937 ล้านบาท และมียอด Backlog รอโอนอีก 9 พันล้านบาท โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณกลางปีหน้า ซึ่งในโครงการมหานครจะมีอาคารจอดรถอัตโนมัติจอดได้ 465 คัน เป็นเทคโนโลยีไฮเทคจากประเทศเกาหลี โดยลิฟท์ไฮเทคจะนำรถไปจอดให้เองบนอาคารจอดรถซึ่งจะเป็นการประหยัดพื้นที่ ประหยัดไฟฟ้า และ ประหยัดน้ำมัน
"สัดส่วนผู้ซื้อโครงการมหานคร 70% เป็นต่างชาติ อีก 30% เป็นคนไทย ขณะที่โครงการมหาสมุทรวิลล่า เป็นคนไทยซื้อ 90% เนื่องจากที่ดินเมืองไทยคนต่างชาติซื้อไม่ได้ ต้องให้ภรรยาที่เป็นคนไทยซื้อได้เท่านั้น "นายสรพจน์กล่าว
นายสรพจน์ กล่าวต่อว่า โครงการมหาสมุทรขณะนี้สร้างเสร็จแล้ว 50 หลังจากทั้งหมด 80 หลัง โดยมีราคาเฉลี่ยหลังละ 52 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการตกแต่งภายในและพร้อมโอนในไตรมาส 4 ปีนี้ ที่เหลือพร้อมโอนในปีหน้า คาดว่าก่อนจบโครงการราคาจะมีการปรับขึ้นอีก 5-7% หรืออยู่ที่ประมาณราคา 55 ล้านบาทต่อหลัง
ส่วนโครงการที่ถนนนราธิวาสมูลค่า 2.8พันล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่เหมือนบ้านที่อยู่อาศัยเพราะเป็นห้องที่ใหญ่มีเนื้อที่ 400 ตารางเมตร เนื่องจากเป็นโครงการ 40ชั้นแต่มีจำนวนห้องแค่ 30 กว่าห้องเท่านั้น
สำหรับโครงการบ้านพักตากอากาศที่นิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาทจะเริ่มก่อสร้าง ในปี 2560 ราคาขายต่อหลัง 1.5-4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 52-140 ล้านบาท
"ที่ดินนิเซโกะที่ได้มาถือว่าโชคดีมาก เป็นที่ดินที่สวยได้มาจากการเพิ่มทุนสำเร็จ 529 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินจำนวน 87 ไร่ 3 งาน โดยจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในเดือน ก.ค. 2559" นายสรพจน์กล่าวและว่า สำหรับในปีหน้าจะมีการเปิดโครงการใหม่อีกไม่เกิน 2 โครงการ
นายสรพจน์ กล่าวด้วยว่า เดิมบริษัทเพซฯ เป็นบริษัทที่มีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ต่อไปรายได้หลักจะมาจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ของดีนแอนด์เดลูก้าที่จะขยายสาขาครอบคลุมทั่วโลกมากขึ้น ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจะเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2560-2562 ซึ่งคาดว่าหลังปี 2563 เป็นต้นไปรายได้อสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% และรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% โรงแรมและอื่นๆ 20% โดยมีแผนจะขอย้ายการจดทะเบียนหุ้นจากหมวดอสังหาริมทรัพย์ไปอยู่หมวดธุรกิจอาหาร
"ตั้งเป้าว่าภายในปี 2561 จะมีสาขาดีนแอนด์เดลูก้า กระจายอยู่ทั่วโลกทั้งสิ้น 44 สาขาจากปัจจุบันมี 10สาขา"นายสรพจน์กล่าว
สำหรับผลประกอบการของเพซฯในไตรมาสแรกปีนี้ สามารถพลิกมาทำกำไรได้ แต่เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ในส่วนของการขยายสาขาดีนแอนด์เดลูก้า ทั้งในไทยและต่างประเทศจึงทำให้ในไตรมาสสองตัวเลขผลประกอบการจึงขาดทุน แต่คาดว่าในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4จะรับรู้รายได้จากยอดรอโอนทั้งของโครงการมหานครและมหาสมุทร ทำให้ผลประกอบการกลับมาดีขึ้น
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการ ‘มหานคร’ นับเป็นเอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจแห่งใหม่ของไทย ทางด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงามและทันสมัยเทียบเท่าอาคารสัญลักษณ์อื่นๆ ในเมืองหลวงทั่วโลก ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนโครงการ‘มหานคร’ มาตั้งแต่เริ่มต้น เรารู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้ของเพซกับความสำเร็จในการสร้างสรรค์อาคารที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้”
นาย ดาเร็น บัคลีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “CITI มีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานเฉลิมฉลองการเปิดตัวอาคารที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งความสำเร็จของ ‘มหานคร’ นับเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนความเจริญด้านเศรษฐกิจ เสริมความเชื่อมั่นของต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย และยกระดับความงามให้แก่ขอบฟ้ากรุงเทพมหานคร โดยเมื่ออาคารเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันอีกครั้งเพื่อสร้างให้ ‘มหานคร’ เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ โดย CITI ได้เตรียมของรางวัลพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกวดภาพถ่ายในครั้งนี้ด้วย”
นายลาร์ส นีลเซ่น ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กล่าวว่า “BMW ประเทศไทย และ PACE มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างยาวนาน ตั้งแต่งานเปิดตัว BMW ซีรีส์ 5 ณ โครงการมหานคร เมื่อปี 2553 วันนี้ เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ PACE อีกครั้ง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของ ‘มหานคร’ ในฐานะแลนด์มาร์คของประเทศไทย”
สำหรับผลประกอบการปี 2559 PACE สามารถพลิกทำกำไรได้ในไตรมาสแรก แม้จะขาดทุนในไตรมาสที่ 2 แต่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาทในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ PACE คาดว่าจะสามารถลด D/E ratio ได้ในไตรมาสที่ 3 และ 4
ปัจจุบัน PACE มีมูลค่าส่วนที่พักอาศัยรวม 4 โครงการ ได้แก่ ‘มหานคร’ ‘มหาสมุทร’ ’นิมิต หลังสวน’ และโครงการใหม่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ 2.9 หมื่นล้านบาท และมียอดขายรวม 1.85 หมื่นล้านบาท โดยโครงการมหาสมุทร วิลล่ามียอดขายรอโอนประมาณ 40% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างวิลล่าเสร็จและพร้อมโอนภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 เป็นต้นไป ขณะที่โครงการนิมิต หลังสวน ล่าสุดได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) พร้อมเริ่มการก่อสร้างโครงการแล้วและคาดว่าจะสามารถสร้างเสร็จตามแผนในปี 2561 โครงการที่ถนนนราธิวาสมูลค่า 2.8 พันล้านบาท ได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเช่นกัน โดยคาดว่าจะเปิดตัวภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ นอกจากนี้ PACE ยังมีโครงการบ้านพักตากอากาศที่นิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2560 และพร้อมรับรู้รายได้ภายในปี 2562 โดย PACE ตั้งเป้าที่จะมีรายได้ส่วนอสังหาริมทรัพย์ต่อปีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ ‘ดีน แอนด์ เดลูก้า’ บริษัทฯ มีแผนการลงทุนขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในสหรัฐอเมริกา ไทย และญี่ปุ่น โดยในครึ่งปีแรก PACE มีรายได้จากดีน แอนด์ เดลูก้า รวมกว่า 2.22 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัว ปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า มีสาขาในประเทศไทย 6 สาขา โดยคาดว่าจะมีสาขาทั้งหมด 12 สาขาภายในปี 2559
ข่าวเด่น