การลงทุนภาคเอกชนนับเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน และนำพาประเทศเข้าสู่อุตสาหกรรม4.0 ซึ่งต้องยอมรับว่า เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุน รัฐบาลจึงได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน , ร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย , ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ ร่าง พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน ได้แก้ไขเพิ่มเติมจากปี 2520 เพื่อส่งเสริมการลงทุนใหม่ให้กับบีโอไอ ทั้งยังกำหนดให้สามารถยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 13 ปี สำหรับกิจการที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง การวิจัยและพัฒนา ส่วนกิจการใดที่คิดว่าอยากให้การส่งเสริม แต่ไม่สามารถยกเว้นภาษีได้ก็ให้ลดหย่อนภาษีแทน โดยจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 50% เป็นเวลาไม่เกิน 10 ปี หรือหากไม่ได้รับการยกเว้นและลดหย่อน อาจหักเงินลงทุนได้ไม่เกิน 70% ของเงินที่ลงทุนแล้วจากกำไรสุทธิ ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่มีรายได้ เป็นต้น
ส่วนร่าง พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ การจัดการกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นการต่อยอดจากร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนฯ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดกรอบ แนวทางการเจรจาและสิทธิประโยชน์ที่จะให้ มีอนุกรรมการสรรหาและเจรจา รองนายกฯที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน บีโอไอเป็นฝ่ายเลขาฯ เป็นต้น มีกองทุนประเดิม 1 หมื่นล้านบาท ให้สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากบีโอไอ เช่น สามารถยกเว้นภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 15 ปี และให้เงินสนับสนุนจากกองทุนสำหรับค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ใช้ในการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมนวัตกรรมและบุคลากร เป็นต้น
สำหรับร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ และพ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมฯ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการในพื้นที่มีประสิทธิภาพ เกิดการบูรณาการ ให้บริการแบบจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ โดยสาระสำคัญ คือ กำหนดนิยามของคำว่า "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" หมายถึงเขตพื้นที่เฉพาะที่ครม.ประกาศกำหนดเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคอันจำเป็น และการให้บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จใจเขตพื้นที่นั้น รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ในเขตพื้นที่นั้น เป็นต้น รวมใน 10 จังหวัด เช่น ตาก สระแก้ว สงขลา นราธิวาส และกาญจนบุรี เป็นต้น
พร้อมกำหนดให้มีองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีหน้าที่เสนอแนะ ครม.ในการกำหนดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยนายกฯเป็นประธาน เลขาฯสภาพัฒน์ เป็นเลขาธิการ ซึ่งกำหนดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด มีหน้าที่จัดตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิสในเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดนั้นๆ รวมถึงสามารถอนุมัติอนุญาตตามกฎหมาย 9 ฉบับ เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร โรงงาน ผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน เป็นต้น
ส่วนเสียงสะท้อนจากภาคเอกชน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่ภาครัฐและบีโอไอพูดกันมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 13 ปี สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีเรื่องนวัตกรรมการวิจัยและพัฒนามาเกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดการกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่า เป็นเรื่องดีที่จะช่วยจูงใจให้นักลงทุนไทยและต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และอุตสาหกรรมก็ก้าวไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่จะเดินไปสู่อุตสาหกรรม 4.0ได้เร็วขึ้น
ข่าวเด่น