สถาบันการเงินเฉพาะกิจหรือแบงก์รัฐ (SFIs) มีความสำคัญต่อประเทศมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการมีบทบาทเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในทุกยุคทุกสมัย เพื่อดำเนินนโยบายต่างๆ ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์ของโลกและสิ่งแวดล้อมต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไป บทบาทของSFIs ควรจะเป็นอย่างไร ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวอย่างน่าสนใจในบางช่วงบางตอน ของการเปิดสัมมนา”พลิกโฉมSFIsกับภารกิจที่ตอบโจทย์และตรงจุด เพื่อเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง”
โดยยอมรับว่า SFIs มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจการเงินไทยมาโดยตลอด สินทรัพย์ของSFIsในวันนี้มีขนาดสูงกว่า 5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 25% ของระบบสถาบันการเงินไทย มีจำนวนสาขาเกือบ 2,500 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวในช่วงเวลาแค่ 7 ปี
ขณะเดียวกันก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าในทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก จนทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนถูกลดความสำคัญลง และบางโอกาสSFIs ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยไม่คำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อฐานะการดำเนินงานของ SFIs และสร้างภาระการคลังให้แก่ประเทศในระยะยาว
ดังนั้นในการสร้างความยั่งยืนให้กับ SFIs ในความเห็นของผู้ว่าการธปท. มีปัจจัยหลัก 4 ประการ ที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ 1. ฐานะการเงินที่มั่นคง 2. ความสามารถของฝ่ายจัดการ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการสรรหาพนักงานที่มีความรู้ และมีอุดมการณ์ในการพัฒนาที่ยั่งยืน 3. ความเป็นเลิศในระบบปฎิบัติงาน โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน และปัจจัยสุดท้ายเรื่องความมั่นใจและความไว้วางใจจากประชาชน ผ่านการดำเนินการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และให้บริการที่เป็นธรรม
ดังนั้นการปฎิรูปหรือการยกระดับศักยภาพของSFIs จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว และมีหลายมิติที่หลายหน่วยงานต้องเร่งทำงานร่วมกัน เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของโลก โดยมีความท้าทายอย่างน้อย 3 ประการที่ SFIs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ ความท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และจะรุนแรงมากขึ้นในอนาต คือความผันผวนในระบบเศรษฐกิจการเงินโลก ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนเรื่องอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะSMEs ผู้ส่งออกและเกษตรกร
ความท้าทายประกาศที่ 2 ได้แก่ พัฒนาการของเทคโนโลยี เพราะจะเป็นโอกาสของลูกค้าที่จะสามารถเลือกช่องทางการเข้าถึงบริการทางการเงินได้หลากหลาย ง่ายขึ้น ในราคาที่เหมาะสม ขณะที่สถาบันการเงินจะเน้นการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนในการปฎิบัติงาน ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่SFIs จะต้องพัฒนาระบบฐานข้อมูลทั้งของลูกค้าและข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมภายนอก เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงของSFIs และลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
และประการที่ 3 เป็นความท้าทายจากกฎกติกาใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ทั้งจากการกำกับดูแลของธปท.เอง กฎเกณฑ์กติกาใหม่ๆ การปฎิรูปรัฐวิสาหกิจ มาตรฐานการบัญชีใหม่ๆ หรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งSFIs จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งความรู้ความเข้าใจของหน่วยปฎิบัติ พนักงานที่มีอยู่ทั่วประเทศ และความพร้อมของระบบงานที่เกี่ยวข้อง
ข่าวเด่น