ยังคงแข่งขันกันรุนแรงสำหรับธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะนอกจากจะแข่งกันในด้านของการชิงทำเลศักยภาพ เพื่อเปิดสาขาใหม่แล้วยังแข่งขันกันในด้านของสินค้าและบริการ จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตยังมีอัตราการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับภาพรวมธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับกลางถึงระดับบน ขณะที่กลุ่มธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มระดับกลางถึงล่าง
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการในธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเลือกนำมาใช้ เพื่อดึงความสนใจลูกค้าและกระตุ้นยอดขายให้เติบโตจากปกติ คือ การปรับโฉมร้านใหม่ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยล่าสุดในส่วนของโฮมเฟรชมาร์ท ซึ่งเป็นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ก็ออกมาประกาศยกเครื่องปรับโฉมโฮมเฟรชมาร์ท ให้เป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ตทั้งหมด หลังจากเปิดให้บริการมานานเกือบ 3 ทศวรรษ
เหตุผลที่ทำให้บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตัดสินใจปรับโฉมโฮมเฟรชมาร์ทเป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ตทั้งหมด 7 สาขา เพราะที่ผ่านมาแบรนด์โฮมเฟรชมาร์ทไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เท่าควรเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแบรนด์กูร์เมต์ มาร์เก็ต ซึ่งได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
นายชัยรัตน์ เพชรดากูล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ต “โฮมเฟรชมาร์ท” และกูร์เมต์ มาร์เก็ต” กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะปรับโฮมเฟรชมาร์ทเป็น กูร์เมต์ มาร์เก็ตในทุกสาขา ก็เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำของผู้บริโภค และไม่ให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกแตกต่างเมื่อเข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกันหากมองไปที่ยอดขายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ในส่วนของแบรนด์กูร์เมต์ มาร์เก็ตมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% ขณะที่แบรนด์โฮมเฟรชมาร์ทไม่มียอดขายที่เติบโต
นอกจากนี้ การปรับโฉมโฮมเฟรชมาร์ทเป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ต ยังถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก ซึ่งนับวันจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยในส่วนของกลยุทธ์ที่บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะนับมาใช้หลังจากปรับโฉมโฮมเฟรชมาร์ทเป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ต คือ การชูจุดแข็งในกลุ่มของสด (FRESH) เพราะบริการดังกล่าวสามารถทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
ปัจจุบันโฮม เฟรช มาร์ท มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาขา คาดว่าจะดำเนินการทยอยเปลี่ยนชื่อเป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ครบทั้งหมดภายในปี 2560 เริ่มจากสาขาบางกะปิ ซึ่งจะปรับปรุงแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนก.ย. นี้ หลังจากนั้นเดือน ต.ค. จะเปิดให้บริการที่สาขานครราชสีมา ตามด้วยสาขาบางแค ซึ่งทั้ง 3 สาขาได้ใช้งบปรับปรุงโฉมไปทั้งหมดประมาณ 150 ล้านบาท
ส่วนกูร์เมต์ มาร์เก็ตสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในเดือน ต.ค.ปีนี้ คือ บลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ท มอลล์ โดยในส่วนของสาขาดังกล่าวได้มีการใช้งบในการก่อสร้างไปกว่า 90 ล้านบาท ซึ่งหลังจากปรับโฉมโฮมเฟรชมาร์ทเป็นกูร์เมต์ มาร์เก็ตครบทุกสาขา ควบคู่ไปกับการเปิดให้บริการกูร์เมต์ มาร์เก็ตสาขาใหม่จะส่งผลให้ปี 2560 จะมีกูร์เมต์ มาร์เก็ตเปิดให้บริการรวมทั้งหมด 14 สาขา
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ถือเป็นพรีเมี่ยมซูเปอร์มาร์เก็ตเน้นจำหน่ายสินค้าคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดให้บริการสาขาแรกที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เปิดให้บริการถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เนื่องจากมีการจำหน่ายสินค้าที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์แม้ว่าจะไม่มีการยกเครื่องปรับใหญ่เหมือนกับซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเดอะมอลล์ แต่ในด้านของสาขาใหม่ก็ยังคงเปิดให้บริการเพิ่มอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล และพันธมิตรนอกเครือเซ็นทรัล ซึ่งจากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันซูเปอร์มารเก็ตในเครือท็อปส์มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั่วประเทศมากกว่า 250 สาขา
นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือให้เพิ่มเป็นเท่าตัวภายใน 5 ปี โดยจะเริ่มจากปี 2560 จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาอยู่ที่กว่า 250 สาขา เปิดเพิ่มเป็น 600 สาขา หรือเปิดเพิ่มเฉลี่ยปีละ 70 สาขา ภายใต้งบลงทุนต่อปีที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้มีรายได้เติบโตปีละ 10-15% จากเดิมมีรายได้เติบโตต่อปีเฉลี่ยที่ประมาณ 8-10%
ทั้งนี้ แผนการขยายสาขาดังกล่าวจะเน้นในรูปแบบร้านขนาดเล็กเป็นหลัก เช่น ท็อปส์ มาร์เก็ต และท็อปส์ เดลี่ โดยในส่วนของท็อปส์ มาร์เก็ต ปีนี้มีแผนที่จะขยายเพิ่ม 10-12 สาขา และเพิ่มเป็น 12-15 สาขาในปีหน้า ขณะที่ท็อปส์ เดลี่ จะขยาย 24 สาขาในปีนี้ และเพิ่มเป็น 36 สาขาในปีหน้า
นายอลิสเตอร์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากสาขาเดิมมีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 6% ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อที่ดีเห็นได้จากยอดการใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งของลูกค้าขยับเพิ่มขึ้นถึง 16% ในเดือน พ.ค. และเพิ่มเป็น 17% ในเดือน มิ.ย.สูงกว่าตลาดที่เติบโต 8%
ด้านนายพิศิษฐ์ ภูสนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิลล่า มาร์เก็ต เจพี จำกัด ผู้บริหารวิลล่า มาร์เก็ต กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ยังคงเดินหน้าเปิดวิลล่า มาร์เก็ตสาขาใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ประมาณ 3-4 สาขา โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้ทำการเปิดให้บริการสาขาใหม่ไปแล้ว 2 สาขา และเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเปิดสาขาที่ยูดี ทาวน์ จ.อุดรธานี ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการพบว่าได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ปัจจุบันวิลล่า มาร์เก็ต มีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมด 33 สาขา ในจำนวนดังกล่าวเป็นการเปิดให้บริการในตลาดต่างจังหวัด 7 สาขา กระจายอยู่ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต ,หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ , พัทยา จ.ชลบุรี และอุดรธานี ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีของแต่ละสาขาในแต่ละจังหวัดทำให้ วิลล่า มาร์เก็ต มีความสนใจที่จะขยายสาขาในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มเติม โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ขณะเดียวกันก็ชูจุดขายในด้านของการจำหน่ายสินค้าออแกนิค และสินค้านำเข้า เพราะถือเป็นจุดแข็งของวิลล่า มาร์เก็ต ที่ทำให้มีลูกค้าประจำ
ข่าวเด่น