สกู๊ปเอเชียทีค....เอเชียทีคพร้อมลุยเฟส 2 ชู 'วัน สต็อป เซอร์วิส'
หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการเปิดให้บริการโครงการเอเชีย ทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บนถนนเจริญกรุง ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุดบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ได้ออกมาประกาศแผนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในปี 2561 ที่จะถึงนี้จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการในส่วนของเฟสที่ 2 เพื่อให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ มีความครบวงจรก้าวสู่การเป็น One stop service อย่างแท้จริง เนื่องจากโครงการในส่วนของเฟสที่ 2 จะมีการเพิ่มพื้นที่ในส่วนของโรงแรม ศูนย์การประชุมและสัมมนา รวมไปถึงพื้นที่ค้าปลีกขนาด 10,000 ตร.ม.
นายสุรสิทธิ์ มานะวัฒนากิจ ผู้จัดการทรัพย์สิน 1 บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวว่า ความคืบหน้าการลงทุนโครงการเอเชียทีค เฟส 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการในเฟสนี้จะมีการพัฒนาโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 800 ห้อง ศูนย์การประชุมและสัมมนาขนาด 3,000 ตร.ม. และพื้นที่รีเทลหรือค้าปลีกอีกประมาณ 10,000 ตร.ม. เพื่อรองรับผู้ค้าใหม่ๆ ที่จะเข้ามาให้บริการในโครงการ
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะลงทุนขยายท่าเทียบเรือเพิ่มอีก 3แห่งในพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับเรือนำเที่ยวขนาดใหญ่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 120-130 ล้านบาท โดยหลังจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือครบทั้ง 3 แห่ง จะทำให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ มีท่าเทียบเรือรวม 4 แห่ง และทำให้ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการมีความสะดวกมากขึ้น
\
.jpg)
พร้อมกันนี้ ทีซีซี แลนด์ฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนสร้างเรือขนาดใหญ่ เพื่อให้บริการลูกค้า โดยในเรือจะมีร้านอาหารต่างๆ ให้บริการ ซึ่งจะใช้งบในการก่อสร้าง 50 ล้านบาท ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกในการเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีความเชื่อว่าบริการดังกล่าวน่าจะสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นพอสมควรไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ หรือกลุ่มลูกค้าคนไทย
นายสุรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของความคืบหน้าการนำแบรนด์โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อน เข้าไปเปิดให้บริการในตลาดต่างจังหวัดนั้น ล่าสุดมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะนำโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เข้าไปลงทุนในรูปแบบเดียวกับเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ในกรุงเทพฯ โดยในส่วนของทำเลเราทำการศึกษาไว้ในตอนนี้ คือ พัทยา เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับการลงทุนอยู่แล้วประมาณ 8 ไร่ นอกจากนี้ยังมีในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินพร้อมพัฒนาแล้วเช่นกัน โดยในส่วนของเชียงใหม่ โครงการจะพัฒนาในพื้นที่ตลาดอนุสาร ซึ่งมีพื้นที่กว่า 70 ไร่ โดยรายละเอียดโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการออกแบบ
.jpg)
สำหรับทิศทางและกลยุทธ์ของ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ นับจากนี้นอกจากการสร้างสรรค์ไฮไลท์หลักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น เอเชียทีค สกาย, คาลิปโซต์ คาบาเร่ต์ โชว์, มวยไทย ไลฟ์, รูปปั้นจูเลียต และโจหลุยส์ เราเองไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างไฮไลท์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นภายในโครงการแล้ว โดยในปลายปี 2560 ทีซีซี แลนด์ฯ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวไฮไลท์หลัก เพื่อนำเสนอสู่นักท่องเที่ยวด้วยการสร้างเรือใบสามเสาที่นำต้นแบบมาจากเรือรบหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีขนาดเท่าของจริงเพื่อนำมาจอดเทียบท่าเอเชียทีคพร้อมพัฒนาเป็นร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ความประทับใจใหม่ให้เกิดขึ้นแก่ผู้มาเยือน ซึ่งจะดำเนินงานโดยฟู้ด ออฟ เอเชีย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแมกเน็ตใหม่ที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายในการช้อปปิ้ง ด้วยการปรับพื้นที่ประมาณ 1,000 ตร.ม. เพื่อพัฒนาเป็น Street Fashion Zone บนพื้นที่บริเวณซอย4 และปรับสไตล์การนำเสนอสินค้าในโกดัง 7 และ 8 ให้เป็น Urbano Zone อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อพัฒนาสู่ศูนย์กลางสินค้าที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน โครงการเอเชีย ทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ มีจำนวนร้านค้าเช่าอยู่ภายในโครงการประมาณ 1,500 ร้านค้า ซึ่งหลังจากเพิ่มบริการใหม่ๆ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้อีกในอนาคต เพราะจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมท Iconic Event สำคัญ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวภายในโครงการอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลลอยกระทง
พร้อมกันนี้ ยังได้มีการจับมือร่วมกับบริษัททัวร์ชั้นนำของไทยกว่า 400 บริษัท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ ATTA เพื่อร่วมโรดโชว์ไปในงานต่างๆ ในต่างประเทศ เพราะถือเป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างให้เกิดการรับรู้ในพื้นที่เป้าหมาย และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างยั่งยืน
.jpg)
นายมานพ คำสว่าง ผู้จัดการทั่วไป โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบการตลาดไว้ที่ 60 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ตลอดจนกระตุ้นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนโครงการเอเชียทีคฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะได้ร่วมหารือแนวทางกับสมาคมธุรกิจการค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาถึงแผนกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวแล้ว ยังได้ผนึกพลังกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ในธุรกิจต่างๆ จัดแคมเปญโปรโมชั่นร่วมกัน เช่น การจับมือกับธุรกิจสายการบินได้แก่ การบินไทยและแอร์เอเชียในการมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่กลุ่มลูกค้าสายการบินนั้นๆ ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปยังสายการบินอื่นๆ อีกด้วย
ปัจจุบันโครงการเอเชียทีค มีลูกค้าเข้าใช้บริการในช่วงวันธรรมดาอยู่ที่ 30,000 คน และช่วงวันหยุดประมาณ 50,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย 60% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40% ในจำนวนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ 50% และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวส่วนตัว 50% ซึ่งในอนาคต ทีซีซี แลนด์ฯ มีแผนที่จะผลักดันให้กลุ่มนักท่องเที่ยวแบบเดินทางมาท่องเที่ยวเองเพิ่มขึ้นเป็น 60% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ
นายมานพ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ได้พัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทยได้สำเร็จจนสามารถคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย เช่น รางวัล THAILAND PROPERTY AWARDS 2012 "Best Commercial Development Thailand" รางวัล NOW TRAVEL ASIA AWARDS 2014 "ASIA'S TOP ENTERTAINMENT COMPLEX" รางวัล Award of "Best Business Plan" 2014 รางวัล PEOPLE'S CHOICE AWARDS THAILAND "Top Choice Shopping Area" 2016 และรางวัล Recreational attraction standard excellent level 2015-2017
อย่างไรก็ดี จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทีซีซี แลนด์ฯ คาดว่าสิ้นปีนี้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ น่าจะสร้างรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากในแต่ละปีจะมีการปรับอัตราเช่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 10-15% ต่อปี จากปัจจุบันค่าเช่าพื้นที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 บาทต่อตร.ม. โดยขณะนี้สามารถปล่อยพื้นที่เช่าได้แล้วเต็ม 100% ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจากแผนและกลยุทธ์การตลาดทำให้ ทีซีซี แลนด์ฯ มั่นใจว่า โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จะสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีการสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น