สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทอย่างมากในการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนได้ชัดเจนจากกรณีที่ รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ติดตามดูแลการทำงานของบีโอไออย่างใกล้ชิด เพื่อให้ยุทธศาสตร์20 ปีของรัฐบาลเกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง และล่าสุด รองนายกรัฐมนตรีนายสมคิด ได้มาประชุมเกี่ยวกับโครงสร้าง และเปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนา โครงสร้างระบบราชการของบีโอไอ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.59 ว่า ได้มอบหมายให้บีโอไอปรับปรุงโครงสร้างกลุ่มงานต่างๆให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในระยะยาว
โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่ม เพราะแผนงานปัจจุบันได้แบ่งโครงสร้างงานเป็นสำนักงาน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ หรือกลุ่มเกษตร ซึ่งมีความล้าสมัย ดังนั้นบีโอไอ จึงควรกำหนดให้มีความทันสมัยและเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และจะต้องมีการเพิ่มกำลังคนให้เหมาะสมกับงาน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เข้าร่วมปรับปรุงด้วย คาดว่าจะเสร็จภายในต้นปี 2560
นอกจากนี้ได้สั่งการให้บีโอไอไปจัดทำแผนชักจูงการลงทุนจากนักลงทุนในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ให้มีความเข้มข้นขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2559) เพราะที่ผ่านมาไทยไม่ได้ดึงนักลงทุนจาก 3 ประเทศนี้มากนัก แต่ให้ความสำคัญกับประเทศเศรษฐกิจหลัก คือ จีนและญี่ปุ่น ทำให้บางอุตสาหกรรมที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน มีความเชี่ยวชาญ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล ซึ่งตรงกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ยังไม่มีการลงทุนในไทยเท่าที่ควร และห่วงว่าหากดึงการลงทุนมาไทยช้ากว่านี้ ประเทศเวียดนามอาจจะดึงการลงทุนแทนได้
ขณะเดียวกันได้ย้ำให้บีโอไอติดตามบริษัทในประเทศที่ได้ไปโรดโชว์ไว้อย่างใกล้ชิด และดูแลคณะนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาศึกษาลู่ทางลงทุนในไทย อาทิ จีน เกาหลี เนื่องจากอยู่ระหว่างตัดสินใจเลือกประเทศลงทุน ซึ่งไทยต้องทำให้สำเร็จ เพราะขณะนี้เงินทุนหลักของโลกอยู่ในเอเชีย
ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ภายใต้พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนใหม่ฯ บีโอไอ เองต้องปรับโครงสร้างการทำงานตามระเบียบราชการ โดยมีเป้าหมายที่จะตั้งสำนักงานบริหารการลงทุนที่จะเข้ามาดูแลในกลุ่มการลงทุนที่เป็นเป้าหมายพิเศษเพิ่มเติม จากเดิมที่มีสำนักบริหารการลงทุน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1. เกษตรและผลิตผลการเกษตร อุตสาหกรรมเบา 2. เหมืองแร่เซรามิกโลหะขั้นมูลฐาน 3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และ 4.เคมีภัณฑ์กระดาษพลาสติก บริการและสาธารณูปโภค
นอกจากนี้จะยังมีการยกระดับการดำเนินงานของหน่วยพัฒนาการการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม(BUILD) ขึ้นเป็นสำนักงาน เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศจาก 14 แห่ง จะเพิ่มอีก 3 แห่งที่เวียดนาม เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย โดยการปรับโครงสร้างการทำงานจะเสนอต่อรองนายกรรัฐมนตรีสมคิดภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ปฏบัติได้ในปี 2560
ข่าวเด่น