เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันฟื้นดึงดูดผลิต Shale Oil


 


ภายหลังผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน  ซึ่งในที่สุดก็ได้ข้อตกลงเบื้องต้น ในการปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี    โดยกลุ่มโอเปกจะจำกัดกำลังผลิตให้อยู่ระหว่าง 32.5-33 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ ลดกำลังการผลิตลงราว 7 แสนบาร์เรลต่อวัน   เพื่อลดกระแสหวั่นวิตกเรื่องอุปสงค์น้ำมันดิบล้นตลาด    ซึ่งรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงนี้   จะมีการสรุปขั้นสุดท้ายในที่ประชุมที่เป็นทางการ   ของกลุ่มโอเปกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้     
 

ด้านโกลด์แมน  แซคส์  ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ และปีหน้า โดยระบุว่าแม้ข้อตกลงของกลุ่มโอเปก   จะช่วยหนุนราคาในระยะสั้น แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มปริมาณน้ำมันในอนาคตมากนัก      โดยธนาคารยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้    และที่ระดับ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2017 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางธนาคาร ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในช่วงสิ้นปีนี้จากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
         
โดยนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ให้ความเห็นว่า    แม้โอเปกรักษาข้อตกลงในการลดการผลิตน้ำมัน แต่ในระยะยาว   การที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น   จะดึงดูดให้ผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน   จะทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับลดลง

 
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า  ถ้าการประชุมของกลุ่มโอเปกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้ สามารถบรรลุผลสำเร็จในการกำหนดเพดานการผลิตของแต่ละประเทศ และการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกลดลงไปที่ระดับ 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็อาจจะไม่มีผลต่อมุมมองราคาน้ำมันดิบดูไบที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ระดับเฉลี่ย 48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2560   แต่ถ้ากลุ่มโอเปกสามารถบรรลุผลสำเร็จในการลดการผลิตน้ำมันไปสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้    ราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะสามารถขึ้นไปยืนอยู่ได้ที่ระดับเฉลี่ย 50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2560    อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้นจากการกลับเข้ามาของ Shale Oil    ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันได้
 
ส่วนอีไอซีมองราคาน้ำมันดิบในปี 2017  จะยังมีความผันผวน แต่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัว  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเริ่มเข้าสู่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบ   โดยอีไอซีคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2016   ราคาน้ำมันดิบ Brent มีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 48-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และคาดว่าในปี 2017 ราคาน้ำมันดิบ Brent จะอยู่ที่ 52-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากการเริ่มเข้าสู่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน
 
 

โดยการที่กลุ่ม OPEC บรรลุข้อตกลงลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบครั้งนี้  จะทำให้อุปทานน้ำมันดิบลดลงราว 4 แสนบาร์เรลต่อวัน   ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาอุปทานส่วนเกินที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน   อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาดูการประชุมของกลุ่ม OPEC ในช่วงปลายเดือน พ.ย. 2016 ว่ากลุ่ม OPEC จะสามารถทำตามข้อตกลงในครั้งนี้ได้หรือไม่    นอกจากนี้ การกลับมาดำเนินการผลิตของผู้ผลิต shale ในสหรัฐฯ  และท่าทีของรัสเซีย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในระยะกลาง
 

LastUpdate 30/09/2559 07:47:58 โดย : Admin
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 11:17 am