หลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสั่งให้วางแผนงานสนับสนุนสตาร์อัพ เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลที่ได้พัฒนาโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือประเทศไทย 4.0 และเพื่อสนับสนุนสตาร์อัพในรูปแบบต่างๆ เช่น สร้างตลาดรองรับสตาร์ทอัพ หรือการ Create Sector ใหม่
โดยก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนให้ธุรกิจ Start Up เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ให้มีการตั้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่ที่กำหนดทุนจดทะเบียนต่ำกว่าตลาด mai และ ตลท. เนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้เป็นธุรกิจเกิดใหม่ทุนจดทะเบียนต่ำ จึงมีความเสี่ยงสูง โดยอยากให้ศึกษาให้เสร็จภายใน 3 เดือน ก่อนเริ่มดำเนินการในปี 2560
ล่าสุดนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า เบื้องต้นนั้นรูปแบบการซื้อขายจะไม่จำกัดแค่การซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเท่านั้น แต่อาจจะมีการแลกเปลี่ยนในรูปแบบอื่นๆได้ ซึ่งการซื้อขายในกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าหุ้นปกติ ดังนั้นจะไม่มีการเปิดให้ซื้อขายในวงกว้าง แต่จะเปิดให้ทำการซื้อขายในวงจำกัดเท่านั้น โดยอาจเปิดให้เฉพาะนักลงทุนที่ไม่ใช่ ผู้ลงทุนรายย่อย(เอไอ)
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์จะต้องเสนอแผนงานการจัดตั้งรูปแบบการซื้อขายดังกล่าวให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)พิจารณา รวมถึงต้องออกแบบกฎเกณฑ์การจัดตั้ง เพราะการซื้อขายในรูปแบบดังกล่าวไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย แต่เชื่อว่าทาง ก.ล.ต. จะให้การสนับสนุนแผนงานดังกล่าวอย่างแน่นอน
ขณะที่นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. คาดว่าประมาณกลางไตรมาส 4/2559 จะเริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นจากที่ปรึกษาทางการเงินและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และคาดว่าภายใน 2-3 ปี จะเริ่มเห็นธุรกิจ Start Up เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า การเปิดกระดานเพื่อให้มีการเข้าระดมทุนของกลุ่มสตาร์ทอัพ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะกลุ่มสตาร์ทอัพต้องการเงินทุนที่มากกว่าธุรกิจปกติ ซึ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นแต่ในการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวถือว่ามีความเสี่ยงที่สูง
โดยการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพมีโอกาสที่บริษัทจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้นการเปิดให้นักลงทุนทั่วไปอาจไม่เหมาะสมนัก เพราะมีความเสี่ยงที่สูงเกินไป ซึ่งนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่จะมีความเข้าใจในการลงทุนในรูปแบบดังกล่าวมากกว่า ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเปิดให้นักลงทุนเฉพาะกลุ่มเข้ามาทำการซื้อขาย เพื่อจำกัดความเสี่ยงให้กับนักลงทุน
ข่าวเด่น