สถานการณ์น้ำท่วมที่หลายพื้นที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ แม้จะดูคล้ายกับเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย และฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าจะไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม ที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่สำคัญ น.ส.กฤตยาพร ทัพภะทัต รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ชี้แจงถึง มาตรการป้องกัน และการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมปี 2559 ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค(บ้านหว้า) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร
โดยกนอ.จะเฝ้าระวังระดับน้ำโดยรอบนิคมฯ แต่ละแห่ง เพื่อแจ้งเตือนและดำเนินการตามแผนรับมือ ซักซ้อมหากน้ำเข้าท่วมนิคมฯ กำหนดจุดอพยพคนงาน การเคลื่อนย้ายเครื่องจักร รวมทั้งมาตรการป้องกันน้ำท่วมจากเขื่อนรอบนิคม โดยใช้ปริมาณน้ำฝน 100 ปีก่อนหน้าในการออกแบบระดับความสูงของเขื่อน ทั้งนี้พบว่า นิคมฯบ้านหว้า (ไฮเทค) และนิคมฯบางปะอิน มีเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและมีสถานีสูบน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมในการระบายน้ำออกจากพื้นที่
ขณะที่นิคมฯสหรัตนนคร อยู่ระหว่างการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ซึ่งปัจจุบันมีความสูงประมาณ 7.50 เมตร และหากก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ตามแผนต้องสูง 8.50 เมตร
นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ค่อนข้างมั่นว่า นิคมอุตสาหกรรมนวนครจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมเหมือนช่วงปี 2554 แต่ต้องมีการเตรียมพร้อมไว้ในกรณีฉุกเฉิน โดยได้ออกกฎระเบียบเป็นคู่มือให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ได้เตรียมความพร้อม นอกจากนี้ ยังได้ตั้ง หน่วยสำรวจสภาพอากาศและปริมาณน้ำในรัศมี 5 กิโลเมตรจากนิคม เพื่อประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย
นายทวิช เตชะนาวากุล ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีความกังวลของผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนหลังน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ทั้งนี้ เมื่อประเมินจากปริมาณน้ำในขณะนี้จะพบว่ามีความแตกต่างจากปี 2554 ค่อนข้างมาก และฝนในปีนี้มาค่อนข้างล่าช้า ส่วนการปล่อยน้ำจากเขื่อนสำคัญ ๆ ยังถือว่าอยู่ในระดับปกติ
.jpg)
ข่าวเด่น