'ไฮเซ่นส์' แบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก บุกตลาดเมืองไทยเปิดตัว 4K ULED สมาร์ททีวี ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ คุณภาพดี ดีไซน์สวยงาม ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในสามอันดับผู้นำส่วนแบ่งการตลาดทีวีไทยภายใน 5 ปี เตรียมพาเหรดทัพเครื่องใช้ไฟฟ้าครบไลน์ ในต้นปี 2560ดึงกลยุทธ์ 'สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง' ในกีฬาระดับโลก สร้างการรับรู้แบรนด์
ไฮเซ่นส์ (Hisense) แบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ปักธงเดินหน้าทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคเต็มกำลังในประเทศไทย พร้อมตอกย้ำตำแหน่งผู้นำส่วนแบ่งการตลาดทีวีเป็นอันดับ 3 ของโลก และอันดับ 1 ในประเทศจีนถึง 13 ปีต่อเนื่อง โดยส่งทีวีนำร่องบุกตลาดไทย ตั้งเป้าวางจำหน่ายที่เทสโก้โลตัส 120 สาขาในเร็วๆ นี้ ก่อนนำเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคอื่นๆ เช่น ตู้เย็น ตู้แช่ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และโทรศัพท์มือถือ เข้าทำตลาดในประเทศไทยในต้นปี 2560
คุณแคทลีน ฟาง รองประธาน บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “ไฮเซ่นส์ คือ บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของมนุษย์ภายใต้มุมมองแห่งอนาคต โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จำนวน 13 แห่งทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กลุ่มมัลติมีเดีย กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และกลุ่มสื่อสารและคมนาคม สร้างรายได้ถึง 15.9 พันล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลกในปี 2558”
มร. จาง ฟิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจของไฮเซ่นส์ขยายตัวครอบคลุมทั่วโลก ทั้งทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ดังนั้นการขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ เพราะเราเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยไฮเซ่นส์ ได้วางผลิตภัณฑ์กลุ่ม “ทีวี” เป็นหัวหอกในการบุกทำตลาดในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรก ซึ่งในปัจจุบันตลาดทีวีของไทยมีมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท ท่ามกลางการแข่งขันอย่างเข้มข้น ทั้งแบรนด์นานาชาติ และแบรนด์ไทย โดยไฮเซ่นส์จะชูผลิตภัณฑ์ทีวีที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี และใช้โมเดลกลยุทธ์การบริหารไฮเซ่นส์ทีวี จนประสบความสำเร็จอย่างสูงและได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั่วโลก ครองตำแหน่งผู้นำส่วนแบ่งการตลาดทีวีเป็นอันดับ 3 ของโลก และอันดับ 1 ในประเทศจีนถึง 13 ปีต่อเนื่อง เข้ามาต่อยอดความสำเร็จในประเทศไทย”
คุณแคทลีน ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ให้ความสำคัญกับเรื่องดีไซน์สวยงาม นวัตกรรมการใช้งาน เทคโนโลยีใหม่ของทีวี และคุณภาพ โดยเฉพาะ ทีวีจอใหญ่ขนาด 55 นิ้วที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และความละเอียดระดับ 4K ที่มอบประสบการณ์ภาพที่คมชัดมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่ผู้บริโภคมักจะอ่อนไหวกับราคา”
“ดังนั้น ไฮเซ่นส์จึงก้าวมาตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยแอลอีดีทีวีที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทย เน้นกลุ่มสินค้าขนาดกลางถึงไฮเอนด์ ขนาดตั้งแต่ 32 – 85 นิ้ว พร้อมสมาร์ทฟังก์ชั่นจัดเต็ม และนวัตกรรมหน้าจอแบบ ULED ลิขสิทธิ์เฉพาะของไฮเซนส์ ที่มี VIDAA ระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ ที่ให้ผู้ใช้ใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น เทคโนโลยี HDR (High-Dynamic Range) ที่ปรับปรุงแสงสีให้สวยงามกว่าเดิม ให้เห็นรายละเอียดของภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และความละเอียดสูงระดับ 4K โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเตอร์เน็ต เปิดรับเทคโนโลยี ต้องการทีวีคุณภาพ ดีไซน์ที่เหนือกว่า ในราคาที่เหมาะสม” คุณแคทลีน กล่าว
ไฮเซ่นส์ ทีวี จะเริ่มวางจำหน่ายที่ “เทสโก้ โลตัส” จำนวนกว่า 120 สาขาในระยะแรก ก่อนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้ง โมเดิร์นเทรดชั้นนำ ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยได้มากขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายว่า ไฮเซ่นส์ ทีวี จะเป็นหนึ่งในสามอันดับผู้นำของตลาดทีวีไทยภายใน 5 ปี
ไฮเซ่นส์ ใช้กลยุทธ์ “สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง” ในกีฬาระดับโลก เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับโลกและสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางทั้งคนไทย และทั่วโลก โดย ไฮเซ่นส์ เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป ปี 2559 (Euro 2016) ที่ประเทศฝรั่งเศส, ผู้สนับสนุนทีมในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน “Redbull Racing”, ผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น โดยได้รับสิทธิ์ใช้ชื่อแบรนด์เป็นชื่อสนามแข่ง คือ “ไฮเซ่นส์ สเตเดี้ยม”, ผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลชาลเก 04 ทีมชั้นนำของประเทศเยอรมนี, ผู้สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา NASCAR และมหกรรมกีฬาระดับโลกอีกมากมาย
“เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ระดับในระดับโลก ที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีนวัตกรรมเทคโนโลยีทันสมัย ดีไซน์สวยงาม จะทำให้ไฮเซ่นส์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย และประสบความสำเร็จในการทำตลาด โดย ไฮเซ่นส์ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคทั้งด้านงานขาย งานบริการ งานวิจัยและพัฒนา และงานผลิต เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากประเทศไทยเข้าสู่ ภูมิภาค CLMV (ประเทศกัมพูชา ลาว เมียร์มาร์ และเวียดนาม) ต่อไป” คุณแคทลีน กล่าวสรุป
ข่าวเด่น