เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
แบงก์เกียรตินาคินและบ.ย่อย โชว์ 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 4,095 ลบ. เพิ่มขึ้น 114.9 %


 

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยแจ้งแผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2559 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 


ภาพรวมผลการดำเนินงาน    ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2559 เปรียบเทียบกับงวดไตรมาส 3 ปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.1 สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2559 เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนแรกปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 4,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 114.9  

ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกาไรถึงสิ้นปี 2558 อยู่ที่ร้อยละ 18.80 โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 15.29 แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นไตรมาส 3/2559 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับร้อยละ 20.03 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 16.52

ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อของธนาคารในไตรมาส 3/2559 ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 จากสิ้นไตรมาส 2/2559  หลังจากที่มีการหดตัวตลอดตั้งแต่ต้นปี 2559 โดยในไตรมาสที่ 1 หดตัวที่ร้อยละ 1.2 และในไตรมาสที่ 2 หดตัวที่ร้อยละ 0.4  ส่งผลให้เก้าเดือนแรกของปี 2559 สินเชื่อโดยรวมของธนาคารยังคงหดตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.4 จากสิ้นปี 2558 ทั้งนี้สินเชื่อของธนาคารที่มีการขยายตัวค่อนข้างดีได้แก่ สินเชื่อ Lombard มีการขยายตัวที่ร้อยละ 190.7 สินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ร้อยละ 68.0 สินเชื่อ Micro SMEs และสินเชื่อ SME Car3x ขยายตัวที่ร้อยละ 49.7 และสินเชื่อเคหะขยายตัวที่ร้อยละ 161.4  ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อหดตัวร้อยละ 2.6  สินเชื่อธุรกิจหดตัวร้อยละ 8.7 และสินเชื่อบรรษัทหดตัวร้อยละ 14.1 จากสิ้นปี 2558 

ด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 อยู่ที่ร้อยละ 5.9 ปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 6.1 ในไตรมาส 2/2559 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพในส่วนของสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้น รวมถึงคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อที่ยังคงมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ ปรับลดลงจากร้อยละ 2.4  ณ สิ้นปี 2558 เป็นร้อยละ 2.2 ในไตรมาส 1/2559 และปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 2.1  ในไตรมาส 2/2259 โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 2.0  
 
ด้านธุรกิจตลาดทุน  สืบเนื่องจากการที่บริษัททุนภัทร จำกัด (มหาชน) (“บมจ. ทุนภัทร”) บริษัทย่อยซึ่งธนาคารมีสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 99.98 ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด (“บล. เคเคเทรด”) กับ Yuanta Securities Asia Financial Services Limited (“Yuanta”)   (“สัญญาซื้อขายหุ้น”) โดยรายละเอียดที่สำคัญในสัญญาซื้อขายหุ้น เป็นไปตามจดหมายที่ทางธนาคารได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงวันที่ 27 เมษายน 2559 แล้วนั้น โดยต่อมาในวันที่ 8 กรกฎาคม 2559  คู่สัญญาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้วและ บมจ. ทุนภัทร ได้ขายหุ้นทั้งหมดใน บล. เคเคเทรด ให้กับ Yuanta  ตามเงื่อนไขและข้อตกลงของสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (บล.ภัทร) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท) ที่ร้อยละ 4.66 โดยลดลงจากร้อยละ 5.03 ในไตรมาส 2/2559  เป็นอันดับที่ 5 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 36 แห่ง  
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ต.ค. 2559 เวลา : 07:36:49
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 1:55 pm