การค้า-อุตสาหกรรม
ปูนซิเมนต์ไทยเผย Q3/59 กำไรพุ่ง 57% จากธุรกิจเคมีภัณฑ์


 



วันนี้ ( 26 ตุลาคม 2559) เอสซีจี จัดงานแถลงข่าวผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกปี 2559 ซึ่งมีกำไรหลักจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้นจากวัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจปิโตรเคมี  ชี้แนวโน้มความต้องการด้านอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
      
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน ) หรือ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 นี้ มีรายได้จากการขาย 104,957 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง และจากสินค้าซีเมนต์ที่มีปริมาณและราคาขายลดลง และลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล
 
 

โดยมีกำไรสำหรับงวด 14,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 57 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี จำนวน 1,800 ล้านบาท แต่กำไรลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจซีเมนต์มีผลการดำเนินงานที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2559 มีรายได้จากการขาย 323,829 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากความต้องการปูนซีเมนต์ของตลาดภายในประเทศชะลอตัว โดยยอดขายปูนซีเมนต์ของเอสซีจี 9 เดือน ติดลบ 1% และคาดว่า ยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 จะติดลบเช่นกัน ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศทั้งปี คาดจะติดลบ 2-3% จากปริมาณการใช้ปี 58 อยู่ที่ 40 ล้านตัน จากเดิมคาดว่า จะขยายตัว 1% และสาเหตุจากราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง 

 
ทั้งนี้ 9 เดือนปีนี้ มีกำไร 43,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการส่งออก 86,821 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27 ของยอดขายรวม ลดลงร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 
สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และจากการส่งออกไปอาเซียน 24,490 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 2 จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในอาเซียน 13,129 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากการส่งออกไปอาเซียน 11,362 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 9 จากปีก่อน สำหรับ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากฐานการผลิต และส่งออกไปยังอาเซียน เท่ากับ 74,072 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 จากยอดขายรวม ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย ทั้งนี้ เอสซีจีมีสินทรัพย์รวมในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 มูลค่า 121,499 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 23 ของสินทรัพย์รวมบริษัท ส่วนสินทรัพย์รวมของเอสซีจีมีมูลค่า 528,395 ล้านบาท


ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนของปีนี้ หากแยกตามธุรกิจ นายรุ่งโรจน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาส 3 มีรายได้จากการขาย 40,970 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากปีก่อน และลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน ผลจากทั้งปริมาณและราคาที่ลดลงของตลาดในประเทศ มีกำไรสำหรับงวด 1,680 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19 จากปีก่อน และลงร้อยละ 32 จากไตรมาสก่อน ตาม EBITDA ที่ลดลง และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศ

เอสซีจี เคมิคอลส์ ในไตรมาส 3 มีรายได้จากการขาย 48,138 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน จากทั้งราคาและปริมาณขายที่ลดลง มีกำไรสำหรับงวด 11,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อน  และ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ในไตรมาส 3 นี้ มีรายได้จากการขาย 18,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน มีกำไรสำหรับงวด 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 34 จากไตรมาสก่อน ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 56,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน 

นายรุ่งโรจน์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจเคมีภัณฑ์ดีขึ้นต่อเนื่องจากวัฏจักรขาขึ้นของปิโตรเคมี ส่วนตลาดปูนซีเมนต์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปีนี้ฝนมีปริมาณมากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา  ประกอบกับการลงทุนจากภาครัฐอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ อีกทั้งภาคเอกชนยังชะลอตัวในการลงทุนขณะที่ภูมิภาคอาเซียนความต้องการปูนซีเมนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการขยายตัวของอุตสาหรรมก่อสร้าง สำหรับการลงทุนในประเทศอื่นๆคืบหน้าตามแผน โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศเมียนมา อยู่ในระหว่างการทดสอบการเดินเครื่องการผลิต และจะมีสินค้าออกสู่ตลาดได้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ สำหรับในสปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2560  
 
  
สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 122,219 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 ของยอดขายรวม ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยใช้งบประมาณวิจัยและพัฒนากว่า 3,208 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม โดยยังคงเดินหน้าลงทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคที่อยู่ในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้  คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 2/2559 จำนวนไม่เกิน 25,000 ล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 3.0 โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ จะนำไปไถ่ถอนหุ้นกู้ SCC16NA จำนวน 25,000 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 1 พ.ย. 59 โดยเสนอขายให้กับนักลงทุนที่เป็นผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของเอสซีจีเมื่อรวมหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกแล้ว จะมีวงเงินกู้ที่ออกรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 166,500 ล้านบาท



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ต.ค. 2559 เวลา : 16:55:55
18-10-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 18, 2024, 1:17 pm