เมื่อ 27 ต.ค. 2559 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากล โดยมีนายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะประธานกรรมการ ธพว. กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่อุตสาหกรรม SMEs 4.0 พร้อมนโยบายของ ธพว.ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs สู่ตลาดโลก ทั้งนี้มี 3 หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา ที่ร่วมลงนาม MOU ในการผลักดันโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และ รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ Mr. Jerry Wu, Country Manager of Alibaba.com Thailand เป็นพยานความร่วมมือในครั้งนี้ ในฐานะเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
สำหรับความร่วมมือการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และไปสู่เวทีระดับสากล
ด้าน นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. เผยว่า ทั้ง 4 หน่วยงาน จะช่วยกันผลักดันให้ SMEs สามารถดำเนินการธุรกิจไปสู่ตลาดโลกผ่านทาง Alibaba.com ซึ่งเป็นธุรกิจ E-Commerce รายใหญ่ของจีน ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับโลกเนื่องจากมีความหลากหลายของสินค้าทั่วโลก และเป็นแหล่งหาสินค้าอย่างดีสำหรับผู้ซื้อทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้บทบาทของ 3 หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย ธพว. EXIM BANK และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คัดเลือกลูกค้าแต่ละกลุ่ม หรือผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการร่วมบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการให้เข้าสู่ธุรกิจขายส่งระหว่างบริษัท หรือ ที่เรียกว่า B2B ผ่านทาง Alibaba.com โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะมีกลุ่มลูกค้า Spring Up ขณะที่ EXIM BANK มีกลุ่มลูกค้าด้านส่งออกและนำเข้า ส่วน ธพว.เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพพร้อมเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทั้งสองธนาคารพร้อมสนับสนุนด้านสินเชื่อและให้บริการทางการเงินต่างๆ แก่ผู้ประกอบการด้วย ส่วนบทบาทของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านผู้ประกอบการและ E-Commerce ที่โดดเด่น มีเครือข่ายและความร่วมมือที่เข้มแข็งกับ Alibaba.com จะช่วยอบรมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาบ่มเพาะเชื่อมต่อกับการทำธุรกิจ E-Commerce ผ่าน Alibaba.com ที่ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นพันธมิตร ระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน 2559
โดยมีลูกค้าที่ผ่านการคัดเลือกจาก ธพว. และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 10 รายที่มีความหลากหลายโดดเด่นน่าสนใจ คัดสรรมาจากต่างจังหวัดทั้งหมด เช่น ธุรกิจประเภทอาหารและเครื่องดื่ม และของใช้ต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเทคโนโลยี่ใหม่ๆ และลูกค้าของ EXIM BANK จำนวน 10 รายที่มีศักยภาพทางด้านการส่งออกต่อไป
สำหรับ Alibaba.com ที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ของไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่า สถาบันการเงินของรัฐ ธพว. EXIM BANK ตลอดจนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีแนวนโยบายในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อย่างแท้จริง ในการเพิ่มศักยภาพการตลาด เพื่อก้าวสู่ระดับสากล ซึ่งจะมีผู้ประกอบการ SMEs เป็นจำนวนมากที่มีความหลากหลายของธุรกิจ มีโอกาสเปิดตลาดสู่สากล โดย Alibaba.com. พร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือผ่านกลไกการอบรมระบบการซื้อขาย E-Commerce ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และพัฒนาความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไป
นายมงคล กล่าวด้วยว่า ด้านผลประกอบการ ธพว. สิ้นสุดไตรมาส 3/2559 (ณ กันยายน 2559) สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยรวม 26,253 ล้านบาท จำนวน 8,823 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 2.98 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 91,898 ล้านบาท สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) คงเหลือ 18,983 ล้านบาท (คิดเป็น 20.66% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2559 ที่มียอด NPLs เท่ากับ 19,486 ล้านบาท (คิดเป็น 21.66% ของสินเชื่อรวม) หรือ ลดลง 503 ล้านบาท ทั้งนี้ เกิดจากธนาคารได้มีการแก้ไขหนี้ NPLs ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ปิดบัญชี การขายหนี้และการตัดหนี้สูญทางบัญชี เป็นต้น และธนาคารได้อนุมัติในหลักการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 10 ราย รวมวงเงิน 138 ล้านบาท โดยแยกเป็นร่วมลงทุนกองทุนย่อยกองที่ 1 จำนวน 8 ราย วงเงิน 98 ล้านบาท และกองทุนร่วมลงทุนพันธกิจ SMEs เชิงเกษตรและที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ราย วงเงิน 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ขยายสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการแก้ไขปัญหา NPLs รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่เป็นไปตามแผนงาน ส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคาร มีกำไรสุทธิ ในเดือนกันยายน 2559 เท่ากับ 186 ล้านบาท และรวมกำไรสุทธิสิ้นสุดไตรมาส 3/2559 เท่ากับ 1,473 ล้านบาท
ด้านนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) กล่าวถึงการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพส่งออกสินค้าสู่ตลาดสากล ว่า ทางเรามีการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีออเดอร์สินค้า โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ประกันเลย มีวงเงินให้ 500,000 บาท และสำหรับโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากล นี้คาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะ ALIBABA มีตลาดที่ใหญ่ มี DEMAND ใหญ่มากกว่าเจ้าอื่น และ SME ไทยมีความคุ้นเคยในด้านการขนส่ง และโครงการนี้ก็มีการเทรนด์ การอบรม ให้ผู้ประกอบการมีความรู้และเข้าใจการซื้อขาย E-Commerce ที่อบรมโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ทางด้านผู้ประกอบการที่มาร่วมงาน MOU ALIBABA ในวันนี้หนึ่งในนั้นคือ นายนิวัฒน์ มีมงคลเกียรติ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระสอบ ตาข่ายกันนก บจก.ไทยฟอร์โมซาพลาสติกอินดัสทรี จำกัด จากจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า มีความสนใจในการร่วมโครงการกับ ALIBABA เพราะส่วนมากส่งออกสินค้าไปต่างประเทศอยู่แล้วเช่นที่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา และหวังว่าจะขยายตลาดได้หลายประเทศมากขึ้นอีก และได้เงินแน่นอน โดยไม่ผ่านนายหน้า อีกด้วย ปัจจุบันนี้ก็อยู่ระหว่างการขยายโรงงาน ส่วนราคาของเรามีคุณภาพมากกว่าคู่แข่ง แม้จะราคาสูงกว่าจีนประมาณ 30% แต่ทุกวันนี้ก็ยังขายได้ดีอยู่ และมีความสนใจอย่างมากในการเข้าร่วมกับ ALIBABA เพราะเราก็ได้รับโอกาสมาแล้วที่ SME ไทยจะออกสู่สากล
อีกหนึ่งผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมงานในวันนี้คือ นายอนุโรจน์ ตันติยาพงษ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์จากผ้าบาติก กระเป๋า และหมวก ของ หจก.อนุโรจน์ แฮนด์ เพ้นท์ กล่าวว่า เรายังไม่เคยมีการขายแบบออนไลน์เลย เพราะเราขายส่งและปลีกมาตลอดปัจจุบันช่องทางจัดจำหน่ายของเรา ในต่างประเทศ ได้ส่งไปจำหน่ายที่ ฮาวาย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ส่วนตอนนี้ก็กำลังศึกษาเพิ่มเติม และจะเข้าร่วมอบรมในโครงการนี้ก่อน เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการร่วมกับ ALIBABA ก็ถือว่าดีและทำให้เราขยายตลาดมากขึ้น และถ้าได้ร่วมกับ ALIBABA จริงเราก็มองตลาดฝั่งยุโรป และเอเชีย เพราะเราขายงานแฮนด์เมดทางฝั่งนั้นจะเห็นคุณค่าสินค้าค่อนข้างมาก
และอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่มางานวันนี้คือ นายไกลสิทธิ์ ฟูสุวรรณ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟ เมล็ดกาแฟคั่วบด จากบริษัท กาแฟวาวี จำกัด เปิดเผยว่า ทางเราเคยร่วมกับ ALIBABA มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อาจเพราะเราไม่เข้าใจในระบบ E-Commerce มากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเมื่อทาง SME Bank มีการดำเนินงานนี้มาและมีการให้คำแนะนำจาก ALIBABA และมีการอบรมโดยเฉพาะจากม.หอการค้าไทยด้วย ก็ยิ่งน่าเข้าร่วม และในธุรกิจเรามีการส่งออกนอกประเทศอยู่แล้ว แต่ยังมีรายได้น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้จากในประเทศไทยเป็นหลัก ทางเราจึงมีความสนใจที่จะเข้าร่วมกับ ALIBABA เพราะมีลูกค้าทั่วโลก จุดหลักๆที่เราคิดและอยากเข้าร่วมอบรมและ เทรนด์ต่อไปคือเมื่อผ่านการอบรมแล้วจะทำให้เรารู้ว่าจะทำยังไงเพื่อให้สินค้าเราน่าสนใจ และถูกเลือกเป็นสินค้าที่ต้องการของผู้บริโภค เพราะผลิตภัณฑ์ของเราเป็นกาแฟที่มีเอกลักษณ์ของไทยที่ปลูกบนดอยภาคเหนือ จึงมีคุณค่าในตัวสินค้าอย่างมากเพราะกาแฟเรามีที่เดียวในโลก ปัจจุบันเรามีตลาดต่างประเทศที่ ลาว จีน ญี่ปุ่น และในประเทศ มีสาขาทั่วประเทศ เช่นเชียงใหม่ กรุงเทพ ระยอง ตาก น่าน สรุปแล้วเรามีความเชื่อมั่นที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้ และพร้อมจะร่วมกับ ALIBABA ต่อไป
เมื่อ 27 ต.ค. 2559 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากล โดยมีนายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะประธานกรรมการ ธพว. กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่อุตสาหกรรม SMEs 4.0 พร้อมนโยบายของ ธพว.ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs สู่ตลาดโลก ทั้งนี้มี 3 หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา ที่ร่วมลงนาม MOU ในการผลักดันโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และ รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ Mr. Jerry Wu, Country Manager of Alibaba.com Thailand เป็นพยานความร่วมมือในครั้งนี้ ในฐานะเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
สำหรับความร่วมมือการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) นั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และไปสู่เวทีระดับสากล
ด้าน นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. เผยว่า ทั้ง 4 หน่วยงาน จะช่วยกันผลักดันให้ SMEs สามารถดำเนินการธุรกิจไปสู่ตลาดโลกผ่านทาง Alibaba.com ซึ่งเป็นธุรกิจ E-Commerce รายใหญ่ของจีน ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับโลกเนื่องจากมีความหลากหลายของสินค้าทั่วโลก และเป็นแหล่งหาสินค้าอย่างดีสำหรับผู้ซื้อทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้บทบาทของ 3 หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย ธพว. EXIM BANK และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คัดเลือกลูกค้าแต่ละกลุ่ม หรือผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการร่วมบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการให้เข้าสู่ธุรกิจขายส่งระหว่างบริษัท หรือ ที่เรียกว่า B2B ผ่านทาง Alibaba.com โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะมีกลุ่มลูกค้า Spring Up ขณะที่ EXIM BANK มีกลุ่มลูกค้าด้านส่งออกและนำเข้า ส่วน ธพว.เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพพร้อมเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทั้งสองธนาคารพร้อมสนับสนุนด้านสินเชื่อและให้บริการทางการเงินต่างๆ แก่ผู้ประกอบการด้วย ส่วนบทบาทของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ด้านผู้ประกอบการและ E-Commerce ที่โดดเด่น มีเครือข่ายและความร่วมมือที่เข้มแข็งกับ Alibaba.com จะช่วยอบรมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาบ่มเพาะเชื่อมต่อกับการทำธุรกิจ E-Commerce ผ่าน Alibaba.com ที่ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นพันธมิตร ระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน 2559
โดยมีลูกค้าที่ผ่านการคัดเลือกจาก ธพว. และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 10 รายที่มีความหลากหลายโดดเด่นน่าสนใจ คัดสรรมาจากต่างจังหวัดทั้งหมด เช่น ธุรกิจประเภทอาหารและเครื่องดื่ม และของใช้ต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการพร้อมเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเทคโนโลยี่ใหม่ๆ และลูกค้าของ EXIM BANK จำนวน 10 รายที่มีศักยภาพทางด้านการส่งออกต่อไป
สำหรับ Alibaba.com ที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ของไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่า สถาบันการเงินของรัฐ ธพว. EXIM BANK ตลอดจนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีแนวนโยบายในการช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อย่างแท้จริง ในการเพิ่มศักยภาพการตลาด เพื่อก้าวสู่ระดับสากล ซึ่งจะมีผู้ประกอบการ SMEs เป็นจำนวนมากที่มีความหลากหลายของธุรกิจ มีโอกาสเปิดตลาดสู่สากล โดย Alibaba.com. พร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือผ่านกลไกการอบรมระบบการซื้อขาย E-Commerce ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และพัฒนาความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไป
นายมงคล กล่าวด้วยว่า ด้านผลประกอบการ ธพว. สิ้นสุดไตรมาส 3/2559 (ณ กันยายน 2559) สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยรวม 26,253 ล้านบาท จำนวน 8,823 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 2.98 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 91,898 ล้านบาท สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) คงเหลือ 18,983 ล้านบาท (คิดเป็น 20.66% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2559 ที่มียอด NPLs เท่ากับ 19,486 ล้านบาท (คิดเป็น 21.66% ของสินเชื่อรวม) หรือ ลดลง 503 ล้านบาท ทั้งนี้ เกิดจากธนาคารได้มีการแก้ไขหนี้ NPLs ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ปิดบัญชี การขายหนี้และการตัดหนี้สูญทางบัญชี เป็นต้น และธนาคารได้อนุมัติในหลักการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 10 ราย รวมวงเงิน 138 ล้านบาท โดยแยกเป็นร่วมลงทุนกองทุนย่อยกองที่ 1 จำนวน 8 ราย วงเงิน 98 ล้านบาท และกองทุนร่วมลงทุนพันธกิจ SMEs เชิงเกษตรและที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ราย วงเงิน 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ขยายสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการแก้ไขปัญหา NPLs รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่เป็นไปตามแผนงาน ส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคาร มีกำไรสุทธิ ในเดือนกันยายน 2559 เท่ากับ 186 ล้านบาท และรวมกำไรสุทธิสิ้นสุดไตรมาส 3/2559 เท่ากับ 1,473 ล้านบาท
ด้านนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) กล่าวถึงการส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพส่งออกสินค้าสู่ตลาดสากล ว่า ทางเรามีการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีออเดอร์สินค้า โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ประกันเลย มีวงเงินให้ 500,000 บาท และสำหรับโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ก้าวสู่ตลาด E-Commerce ระดับสากล นี้คาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะ ALIBABA มีตลาดที่ใหญ่ มี DEMAND ใหญ่มากกว่าเจ้าอื่น และ SME ไทยมีความคุ้นเคยในด้านการขนส่ง และโครงการนี้ก็มีการเทรนด์ การอบรม ให้ผู้ประกอบการมีความรู้และเข้าใจการซื้อขาย E-Commerce ที่อบรมโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ทางด้านผู้ประกอบการที่มาร่วมงาน MOU ALIBABA ในวันนี้หนึ่งในนั้นคือ นายนิวัฒน์ มีมงคลเกียรติ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระสอบ ตาข่ายกันนก บจก.ไทยฟอร์โมซาพลาสติกอินดัสทรี จำกัด จากจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า มีความสนใจในการร่วมโครงการกับ ALIBABA เพราะส่วนมากส่งออกสินค้าไปต่างประเทศอยู่แล้วเช่นที่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา และหวังว่าจะขยายตลาดได้หลายประเทศมากขึ้นอีก และได้เงินแน่นอน โดยไม่ผ่านนายหน้า อีกด้วย ปัจจุบันนี้ก็อยู่ระหว่างการขยายโรงงาน ส่วนราคาของเรามีคุณภาพมากกว่าคู่แข่ง แม้จะราคาสูงกว่าจีนประมาณ 30% แต่ทุกวันนี้ก็ยังขายได้ดีอยู่ และมีความสนใจอย่างมากในการเข้าร่วมกับ ALIBABA เพราะเราก็ได้รับโอกาสมาแล้วที่ SME ไทยจะออกสู่สากล
อีกหนึ่งผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมงานในวันนี้คือ นายอนุโรจน์ ตันติยาพงษ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์จากผ้าบาติก กระเป๋า และหมวก ของ หจก.อนุโรจน์ แฮนด์ เพ้นท์ กล่าวว่า เรายังไม่เคยมีการขายแบบออนไลน์เลย เพราะเราขายส่งและปลีกมาตลอดปัจจุบันช่องทางจัดจำหน่ายของเรา ในต่างประเทศ ได้ส่งไปจำหน่ายที่ ฮาวาย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ส่วนตอนนี้ก็กำลังศึกษาเพิ่มเติม และจะเข้าร่วมอบรมในโครงการนี้ก่อน เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการร่วมกับ ALIBABA ก็ถือว่าดีและทำให้เราขยายตลาดมากขึ้น และถ้าได้ร่วมกับ ALIBABA จริงเราก็มองตลาดฝั่งยุโรป และเอเชีย เพราะเราขายงานแฮนด์เมดทางฝั่งนั้นจะเห็นคุณค่าสินค้าค่อนข้างมาก
และอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่มางานวันนี้คือ นายไกลสิทธิ์ ฟูสุวรรณ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟ เมล็ดกาแฟคั่วบด จากบริษัท กาแฟวาวี จำกัด เปิดเผยว่า ทางเราเคยร่วมกับ ALIBABA มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อาจเพราะเราไม่เข้าใจในระบบ E-Commerce มากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเมื่อทาง SME Bank มีการดำเนินงานนี้มาและมีการให้คำแนะนำจาก ALIBABA และมีการอบรมโดยเฉพาะจากม.หอการค้าไทยด้วย ก็ยิ่งน่าเข้าร่วม และในธุรกิจเรามีการส่งออกนอกประเทศอยู่แล้ว แต่ยังมีรายได้น้อย ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้จากในประเทศไทยเป็นหลัก ทางเราจึงมีความสนใจที่จะเข้าร่วมกับ ALIBABA เพราะมีลูกค้าทั่วโลก จุดหลักๆที่เราคิดและอยากเข้าร่วมอบรมและ เทรนด์ต่อไปคือเมื่อผ่านการอบรมแล้วจะทำให้เรารู้ว่าจะทำยังไงเพื่อให้สินค้าเราน่าสนใจ และถูกเลือกเป็นสินค้าที่ต้องการของผู้บริโภค เพราะผลิตภัณฑ์ของเราเป็นกาแฟที่มีเอกลักษณ์ของไทยที่ปลูกบนดอยภาคเหนือ จึงมีคุณค่าในตัวสินค้าอย่างมากเพราะกาแฟเรามีที่เดียวในโลก ปัจจุบันเรามีตลาดต่างประเทศที่ ลาว จีน ญี่ปุ่น และในประเทศ มีสาขาทั่วประเทศ เช่นเชียงใหม่ กรุงเทพ ระยอง ตาก น่าน สรุปแล้วเรามีความเชื่อมั่นที่จะเข้าร่วมกับโครงการนี้ และพร้อมจะร่วมกับ ALIBABA ต่อไป
ข่าวเด่น