เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
คลังหนุน'พร้อมเพย์'ลดภาษี2เท่าร้านติดตั้งเครื่องชำระเงิน


 


กระทรวงการคลังสนับสนุนการโครงการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (พร้อมเพย์) และยอมรับว่าการเปิดให้บริการจะมีความล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมเล็กน้อย    โดยเลื่อนการใช้เป็นไตรมาสแรกของปี 2560   ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง   ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าการทำระบบการชำระเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เม้นท์)  เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการติดตั้งเครื่องชำระเงิน (อีดีซี) ให้ ครม.เห็นชอบ เพื่อให้ผู้ที่ลงทุนและร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องสามารถนำค่าธรรมเนียมจากการ ติดตั้งเครื่องมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า    ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาได้ในเร็ว ๆ นี้   แต่สำหรับโครงการอี-เพย์เม้นท์ภาครัฐที่จะจ่ายเงินให้กับประชาชน  ยืนยันว่า ยังอยู่ตามแผนเดิมคือดำเนินการภายในเดือน ธ.ค.59  และภายในปีหน้าจะทำอี-เพย์เม้นท์ ทั้งรับและจ่ายทั้งหมด
 
 

สำหรับโครงการพร้อมเพย์   ที่ได้มีการเลื่อนจากสิ้นปีนี้ ไปเป็นไตรมาสแรกของปี 60   เนื่องจากการทดลองระบบของธนาคารพาณิชย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ระบบยังมีปัญหามีการทำบางรายการไม่ถูกต้อง  จึงต้องทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบพร้อมเพย์ไม่มีความผิดพลาด เกิดขึ้นได้ หากมีความล่าช้าออกไปบ้างเพื่อความปลอดภัยให้ผู้ใช้มีความมั่นใจ ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้

สำหรับความคืบหน้าระบบอีเพย์เมนต์ตลาดทุนให้มีการชำระเงินได้เร็วขึ้นจาก เดิมภายใน 3 วัน เป็นภายใน 2 วัน จากเดิมที่จะเริ่มกลางปีหน้า   ต้องเลื่อนออกไปเป็นไตรมาสสามปีหน้า เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และธนาคารพาณิชย์ยังสรุปเรื่องการชำระเงินร่วมกันไม่ได้      ส่วนการชิงโชคเงินรางวัลเพื่อจูงใจให้คนมาใช้อีเพย์เมนต์จากเดิมที่จะเริ่ม ต้นปี 60 ก็จะเลื่อนออกไปเป็นไตรมาสแรกปี 2560 เนื่องจากระบบพร้อมเพย์และการติดตั้งเครื่องชำระเงินเลื่อนออกไปด้วยเช่นกัน    

ซึ่งการนำบริการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์มาใช้    แม้จะทำให้ประชาชนมีความสะดวก  รวดเร็ว ในต้นทุนที่ถูกลง   แต่สำหรับสถาบันการเงินในระยะแรกยอมรับว่า  รายได้ค่าธรรมเนียมจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้    โดยนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK  ยอมรับว่า  การให้บริการการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์  การเกิดนวัติกรรมทางการเงินใหม่ ๆ  เช่น แอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับการโอนเงิน ชำระเงิน  จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ในการโอนเงินต่าง ๆ ของธนาคาร
         
โดยในเบื้องต้นกรณีพร้อมเพย์คาดว่า  จะกระทบรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงประมาณ 4% ของรายได้ค่าฟีรวม    ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มที่รายได้จากค่าธรรมเนียมของธนาคารโดยรวมจะปรับลดลงตามด้วย   และหากรายได้ค่าฟีลดลงก็จะกระทบกำไรในแต่ละปีของแบงก์ให้ลดลงตาม  และคาดว่าผลกระทบจะเริ่มเห็นอย่างชัดเจน ในปี  2560 เป็นต้นไป


 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ต.ค. 2559 เวลา : 21:15:05
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 1:49 pm