'โฮมโปร'โชว์รายได้รวมงวด 9 เดือน ปี 59 ทะลุ 45,055.56 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายกว่า 42,074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52% ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมการเติบโตจากสาขาใหม่ของธุรกิจ โฮมโปร และเมกา โฮมรวมถึงยอดขายจากงาน "โฮมโปรแฟร์"ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรกโดยมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่2,805.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.70 ล้านบาท หรือ 19.04 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ "โฮมโปร" ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 2,805.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.70ล้านบาท หรือ 19.04 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน45,055.56ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,085.32ล้านบาท หรือ 9.97% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจาก รายได้จากการขาย จำนวน 4,2074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52 %จากการเติบโตของสาขาใหม่ของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงจากการขายงาน โฮมโปรแฟร์รายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 1,254.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.97ล้านบาท หรือ 21.38% จากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ โดยเฉพาะจากการขยายและปรับปรุงของศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2558 รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรและมีรายได้อื่น จำนวน 1,727.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66ล้านบาท หรือ 13.74% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้การส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ "โฮม เซอร์วิส" จากลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน10,636.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 739.73ล้านบาท หรือ 7.47% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.76% เป็น 25.28% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮมที่ต่ำกว่าโฮมโปร และมีสัดส่วนของยอดขายของธุรกิจเมกา โฮมที่สูงขึ้น
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 9,695.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632.24 ล้านบาท หรือ6.98%เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ "โฮม เซอร์วิส" ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.59% เป็น 23.04% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาพรวมการประกอบธุรกิจของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวอย่างช้าๆ รวมถึงด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งในปีนี้อัตราการตกของฝนเฉลี่ยสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง การตบแต่งและปรับปรุงบ้าน รวมถึงความสะดวกของลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมของโฮมโปรชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการกระตุ้นยอดขายทั้งในรูปแบบการส่งเสริมการขายและการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น การจัดงาน "โฮมโปร แฟร์" (HomePro Fair) ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายในไตรมาสที่ 3 ทางด้านธุรกิจเมกา โฮม ได้รับผลกระทบจากฤดูฝนเช่นกัน แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตในระดับที่น่าพอใจ
"ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเปิดสาขาโฮมโปร 1 แห่ง ที่ "สาขาชลบุรี - บางเสร่" และเมกา โฮม 1 แห่ง ที่ "สาขาหาดใหญ่" ณ. สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 88 สาขา โดยแบ่งเป็นธุรกิจโฮมโปร 78 สาขา ธุรกิจเมกา โฮม 9 สาขา และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 1 สาขา ตามลำดับ" นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้าย
ข่าวเด่น