11 พ.ย. 58 เป็นวันที่ธุรกิจโทรคมนาคมของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะเป็นวันที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้มีการประมูลคลื่น 4 จี บนความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พ.ย.59 ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปีของการเปิดประมูล 4 จี ที่ใช้เวลายาวนานถึง 33 ชั่วโมง และในเดือน พ.ค.59 กสทช. ก็ได้เปิดประมูล 4 จี บนคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์อีกครั้ง นำเงินส่งเป็นรายได้รัฐรวม 325,217 ล้านบาท ซึ่งการเปิดประมูลคลื่นความถี่นั้น นอกจากรัฐจะได้เงินแล้ว ยังก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2558 จนถึงปัจจุบัน 326,000 ล้านบาท
สำหรับผลดีต่อระบบเศรษฐกิจทางตรงนั้น ทำให้มีการลงทุนขยายโครงข่ายของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม 100,000 ล้านบาท มีการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์มือถือและสร้างมูลค่าการผลิตอีก 167,000 ล้านบาท โดยเดือน ต.ค.58-ก.ย.59 มีการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์มือถือ 19.59 ล้านเครื่อง มีการนำเงินส่งเป็นรายได้ของรัฐ 59,000 ล้านบาท ขณะที่ผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในทางอ้อมนั้น ภาคธุรกิจและประชาชนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 61.70 ล้านเลขหมาย ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 58 ที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 22 ล้านเลขหมาย
รวมทั้งมีบริการ 4 จี ด้วยเทคโนโลยีแอลทีอี ต่อยอดการทำธุรกิจที่หลากหลายมาก มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นจำนวนมากและสร้างรายได้จากการใช้อินเตอร์เน็ต โดยการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้ในธุรกิจการเงินก็มีอัตราการขยายตัวอย่างมาก เช่น การทำธุรกรรมโมบายแบงก์กิ้งที่มีอัตราเติบโตอย่างมากในช่วงระยะเดือน ม.ค.-มิ.ย.59 มีการใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านครั้ง ขณะที่รูปแบบการใช้บริการอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เพิ่มขึ้นเป็น 23.5 ล้านครั้ง และจากการขยายตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตดังกล่าว ทำให้เกิดการลงทุนขยายโครงข่ายของผู้ประกอบการ จนส่งผลให้ผู้ประกอบการมือถือทั้ง 3 รายมีสินทรัพย์รวมกันเพิ่มขึ้นราว 100,264 ล้านบาท
ขณะที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธาน ได้รับทราบความคืบหน้าการลงทุนเพื่อขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศและอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ ซึ่งจะใช้วงเงินลงทุนรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยยืนยันว่าทั้งสองส่วนนี้จะลงทุนได้ทันภายในกรอบเวลาปี 2560 ซึ่งเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบการแยกการลงทุนที่ชัดเจนระหว่างกระทรวงดีอีกับสำนักงาน กสทช. เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยกระทรวงดีอีจะดำเนินการลงทุนขยายโครงข่ายในหมู่บ้าน 2.47 หมื่นแห่ง ภายใต้วงเงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยแยกเป็นงบ 1.3 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 และอีก 2,000 ล้านบาท ในปี 2561
ขณะที่ กสทช.จะรับไปลงทุนใน 1.96 หมื่นแห่ง แยกเป็น 3,920 แห่ง ตามโครงการเดิมของ กสทช.และรับเพิ่มเติมใหม่จากการเห็นชอบในการประชุมครั้งนี้อีก 1.57 หมื่นแห่ง ทั้งหมดจะใช้งบประมาณจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (USO)
ข่าวเด่น