บลจ.กรุงไทย มองผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐ หลังโอเปก ลดกำลังผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน กดดันราคาน้ำมัน เป็นสัญญาเงินเฟ้อระยะต่อไป ขณะที่ บริษัท เปิดขายกองทุนเปิดตราสารหนี้ FIF124 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ คาดผลตอบแทน 1.55%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุ หลัง OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันได้สำเร็จ มีผลเริ่มบังคับใช้ในเดือน ม.ค. ปีหน้า ถือเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งแรกตั้งแต่ปี 2008 โดยถัดไปต้องติดตามท่าทีของผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ได้อยู่ใน OPEC โดยเฉพาะรัสเซีย ว่าจะลดกำลังการผลิตด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิประมาณ 1,326 ล้านบาท โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.64% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.11% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.74% ต่อปี ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.11% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 1.84% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.40% ต่อปี
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลัง OPEC บรรลุข้อตกลง ซึ่งนับเป็นสัญญาณเงินเฟ้อในระยะต่อไป นอกเหนือจาก GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัว 3.2% ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 3.0% รวมถึงโอกาสค่อนข้างสูงที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนที่ 178,000 ตำแหน่ง ใกล้เคียงกับตลาดคาดการณ์ที่ 180,000 ตำแหน่ง สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นผลการประชุม ECB ในวันที่ 8 ธ.ค. ว่าจะขยายอายุมาตรการ QE หรือไม่ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลก แนวโน้มราคาน้ำมัน ผลกระทบของ Brexit ต่อ EU และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 124 ( KTFF124) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank Corporation Limited ผลตอบแทนของตราสารประมาณ 1.75%ต่อปี , Emiratcs NBD PJSC ผลตอบแทนประมาณ 2%ต่อปี , Commercial Bank of Qatar ผลตอบแทนประมาณ 1.75%ต่อปี , Ahi bank QSC.ผลตอบแทนประมาณ 1.95%ต่อปี และ First Gulf Bank PJSC ผลตอบแทนประมาณ 1.75%ต่อปี ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.23%ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.55%ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ข่าวเด่น