ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบผู้ให้บริการระบบสนับสนุนงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหน่วยลงทุนและจัดการกองทุน (Fund Service Platform) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจกองทุนรวมในการลงทุนในระบบงาน และช่วยให้ประชาชนสามารถลงทุนในกองทุนรวมได้สะดวกและหลากหลายมากขึ้น
ก.ล.ต. มีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นชอบผู้ให้บริการระบบสนับสนุนสืบเนื่องจากการลงนามบันทึกความร่วมมือ “โครงการพัฒนาช่องทางการเข้าถึงกองทุนรวม” เมื่อต้นปี 2559 ระหว่าง ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ประกอบธุรกิจกองทุนรวม เพื่อให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมมีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับกระบวนการการซื้อขายกองทุนรวมตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การเปิดบัญชี การทำรายการซื้อขายหน่วยลงทุน และงานปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการซื้อขายหน่วยลงทุน
หลักการในการปรับปรุงเกณฑ์ครั้งนี้จะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจกองทุนรวมสามารถจัดจ้างผู้อื่น (outsource) เป็นผู้ให้บริการระบบสนับสนุนได้โดยไม่มีภาระในการกำกับดูแลผู้ให้บริการ รวมทั้งไม่ต้องขออนุญาต ก.ล.ต. ก่อนเหมือนกับการ outsource ทั่วไป อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบธุรกิจกองทุนรวมยังคงเป็นผู้พิจารณาเลือกผู้ให้บริการ เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดกับผู้ลงทุน โดยผู้ให้บริการต้องมีคุณสมบัติและความพร้อมด้านระบบงาน บุคลากร และฐานะการเงินตามที่กำหนด และต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.
ก.ล.ต. เชื่อว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของภาคตลาดทุนไทยที่สอดคล้องกับนโยบายของ ก.ล.ต. ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถมุ่งเน้นการบริหารจัดการกองทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนอย่างเต็มที่ ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนสามารถมุ่งเน้นบริการการให้คำแนะนำการลงทุนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยให้ บลจ. ใหม่ลดภาระการลงทุนด้านระบบปฏิบัติการและสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมในการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะสามารถเข้าถึงช่องทางการลงทุนและติดตามข้อมูลการลงทุนได้สะดวกมากขึ้น โดยจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบต่าง ๆ ต่อไป
ก.ล.ต. เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/hearing) จึงขอเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2263-6293 หรือทาง e-mail ที่ thanikul@sec.or.th จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2559
ข่าวเด่น