แม้ว่าการแข่งขันของตลาดเครื่องสำอางจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง แต่หากมองในด้านของร้านเครื่องสำอางที่จำหน่ายสินค้าแบบครบวงจร ดูเหมือนว่าปัจจุบันการแข่งขันจะลดน้อยถอยลงไป เนื่องจากมีบางรายต้องปิดกิจการไป เพราะทนพิษเศรษฐกิจ และการหิ้วสินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายไม่ไหว แต่อย่างไรก็ตาม จาการที่ผู้หญิงยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม จึงทำให้ตลาดเครื่องสำอางถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากพิษเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรผู้หญิงก็ยังต้องการให้ตัวเองดูดีและสวยงามอยู่เสมอ
จากโอกาสทางการตลาดดังกล่าว บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรภายใต้ชื่อ "บิวตี้ คลับ" ( Beauty Club) จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามารุกธุรกิจดังกล่าว หลังจากทดลองทำการตลาดในรูปแบบคอนเนอร์แล้วได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าจะเน้นการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นหลัก ล่าสุดได้มีการขยายธุรกิจด้วยการขยายรูปแบบธุรกิจจากคอนเนอร์เป็นรูปแบบร้านผ่านโมเดลธุรกิจ บิวตี้ คลับ แกรนด์ ( Beauty Club Grand) เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น
ในส่วนของ Beauty Club Grand สาขาแรก ที่บริษัท คลับวาไรตี้ ทดลองเปิดให้บริการโมเดลธุรกิจใหม่ คือ เมเจอร์ รัชโยธิน เนื่องจากเป็นสาขาแรกที่ธุรกิจบิวตี้ คลับได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งการเปิดให้บริการ Beauty Club Grand ในครั้งนี้เป็นการปรับร้านในรูปแบบคอนเนอร์ของ Beauty Club เพื่อให้สินค้าที่นำมาจำหน่ายมีความครบวงจรมากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
นายพิรศุษม์ ปลื้มปิติชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากประสบความสำเร็จในด้านการทำธุรกิจในโมเดลธุรกิจ Beauty Club Grand ในเมเจอร์ รัชโยธิน เป็นสาขาแรก และขยายเพิ่มอีกในส่วนของทำเลในเครือเมเจอร์อีก 4 สาขา ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการวางแผนที่จะปรับปรุงร้านที่เป็นคอนเนอร์ของ Beauty Club ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 20 สาขา เปลี่ยนให้เป็นโมเดลร้าน Beauty Club Grand ทั้งหมดภายใน 2 ปีนับจากนี้
สำหรับ 20 สาขาที่ Beauty Club เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันนี้ แบ่งเป็นในส่วนของร้าน Beauty Club Grand 4 สาขา ที่เหลืออีก 16 สาขา เป็นในส่วนของร้าน Club House และ Corner กระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ประกอบด้วย เมเจอร์ รัชโยธิน, เมเจอร์ รังสิต เมเจอร์ ปิ่นเกล้า, มธ.รังสิต ,คลังพลาซ่า โคราช, เซ็นทรัล ขอนแก่น, เซ็นทรัล อุดรธานี, เซ็นทรัล พิษณุโลก, เซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่, โรบินสัน ฉะเชิงเทรา, เซ็นทรัล บางนา ,เดอะวอล์ค นครสวรรค์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เดอะมอลล์ บางแค, เซ็นทรัล พระราม 2 ,เซ็นทรัล เชียงราย, เซ็นทรัล อุบลราชธานี,โรบินสัน สุรินทร์ และห้างแหลมทองระยอง
ทั้งนี้ จากการทำการวิจัยศึกษาตลาด ทำให้ บริษัท คลับวาไรตี้ พบว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดให้สามารถขยายธุรกิจไปได้อีกมาก โดยเฉพาะตลาดหัวเมืองต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันร้านจำหน่ายเครื่องสำอางครบวงจรยังมีจำนวนผู้ประกอบการเข้าไปทำธุรกิจน้อย ขณะเดียวกันก็มีความเชื่อมั่นว่ากำลังซื้อของลูกค้าในท้องถิ่นจะให้ผลการตอบรับดี เพราะสินค้าที่นำเข้าไปจำหน่ายมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางในกลุ่มคัลเลอร์ เมคอัพ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
นายพิรศุรษม์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินงานปลายปีนี้เป็นต้นไป บริษัทมีแผนเจรจาธุรกิจ เพื่อเปิดร้าน Beauty Club Grand ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ชลบุรี เป็นสาขาที่ 21 ของ Beauty Club ภายใต้งบลงทุนในการเปิดสาขาที่ประมาณ 10 ล้านบาท
ด้าน นายนภัทร โภคาสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลับวาไรตี้ จำกัด กล่าวว่า ในแง่ของการเติบโตของ Beauty Club ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตไว้ที่ประมาณ 15 % ขณะที่ปลายปีนี้บริษัทมียอดขายเติบโตสูงถึง 20% ทำให้บริษัททำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะมีการชะลอตัวในด้านของกำลังซื้อ ส่งผลให้ซื้อสินค้าน้อยลง
ปัจจัยที่ทำให้ บริษัท คลับวาไรตี้ สามารถข้ามผ่านอุปสรรคและปัจจัยลบมาได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อในผลลัพธ์ระยะยาวของเศรษฐกิจไทยว่าจะต้องกลับมาขยายตัวในทิศทางที่ดีได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ และเชื่อในแง่ของความถี่ในการกลับมาซื้อ เนื่องจากบริษัท คลับวาไรตี้ จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีการทำโปรโมชั่น และจัดแคมเปญส่งเสริมการขายร่วมกับสินค้าแต่ละแบรนด์สินค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว จึงทำให้ บริษัท คลับวาไรตี้ ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยในสิ้นปี 2559 นี้คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 500 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 25% โดยรายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มสินค้าเสริมอาหารแบรนด์นิวเวย์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดีเกินคาด สามารถสร้างยอดขายได้ดีมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่เปิดตัวมา ส่วนสินค้าที่ขายดีรองลงมา คือ กลุ่มเมคอัพ เพราะมีสินค้าให้ลูกค้าได้ซื้อชม เลือกช็อปมากกว่า 4,000 รายการ
นายนภัทร กล่าวอีกว่า แม้ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายหลัก ยังเป็นอาหารเสริมนิวเวย์ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่ได้มีการเปิดหน้าร้านเพื่อขายสินค้า แต่หลังจากบริษัทเปิดหน้าร้าน Beauty Club เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจในสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์ความงามที่เกี่ยวเนื่องทั้งเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างและแบรนด์ที่อยู่ในกระแสความนิยม ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้า เนื่องจากราคาขายใกล้เคียงกับร้านค้าปลอดภาษี
ในด้านของแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 นั้น บริษัท คลับวาไรตี้ จะเน้นการปรับปรุงร้านที่เป็น Beauty Club ซึ่งมีทั้งหมด 16 สาขา ปรับเป็นร้าน Beauty Club Grand จำนวน 8 สาขา ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 8-10 ล้านบาท และจะทำการปรับปรุงร้าน Beauty Club ในส่วนที่เหลืออีก 8 สาขา ในปี 2561
ส่วนแผนการลงทุนเพิ่มหรือขยายหุ้นส่วนทางธุรกิจในระยะยาว 3 - 5 ปีนั้น บริษัท คลับวาไรตี้ มีแผนที่จะลงทุนร่วมกับกลุ่มนักลงทุน หรือ กลุ่มเซเลบริตี้ เพื่อให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกันเบื้องต้น โดยในส่วนของแผนการเปิดสาขาใหม่นับตั้งแต่ปี 2560 บริษัท คลับวาไรตี้ มีแผนที่จะเน้นการขยายสาขาร้าน Beauty Club Grand ไปกับห้างค้าปลีก ซึ่งทำเลหลักที่จะเข้าไปขยายสาขาน่าจะเป็นต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันห้างค้าปลีกเน้นการขยายสาขาในตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำร้าน Beauty Club Grand เข้าไปเปิดให้บริการในตลาดต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มประเทศที่ให้ความสนใจ คือ กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง หรือ CLMV เนื่องจากมีพรมแดนติดกับประเทศไทย แต่ก่อนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ เบื้องต้นจะเน้นการเข้าไปขยายสาขาในจังหวัดใกล้แนวชายแดนร่วมกับห้างค้าปลีก เพื่อเป็นการสร้างฐานธุรกิจก่อน ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 600 - 700 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีนับจากนี้
ข่าวเด่น