จากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังชะลอตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงต้นไตรมาส 4 ที่ผ่านมาคนไทยต้องประสบกับความเศร้าโศกจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่งผลให้อารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคซบเซามากยิ่งขึ้น ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว หรือมียอดขายคงที่เท่ากับปี 2558 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 227,000 ล้านบาท แม้ว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะมีปัจจัยบวกในด้านของมาตรการช้อปช่วยชาติเข้ามาช่วยกระตุ้น แต่มาตรการดังกล่าวก็ช่วยกระตุ้นได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามาตรการช้อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงระยะสั้นเท่านั้น แต่หากมองในด้านของการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับมาฟื้นตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าไม่มีมาตรการอะไรมากระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคเลย
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2559 มองว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากสินค้าหลายกลุ่มมียอดขายชะลอตัว หนึ่งในนั้น คือ ตลาดทีวี ซึ่งปีนี้มีอัตราการเติบโตติดลบถึง 5% เนื่องจากผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อ แต่หลังจากที่ผู้ประกอบการเริ่มออกมาเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาด ก็เริ่มทำให้ภาพรวมยอดขายทีวีเริ่มเติบโตดีขึ้น เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายๆกลุ่ม
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ เพาเวอร์ มอลล์ จึงผนึกกำลังกับกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจัดงาน "เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า 2017" ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2559 – 4 ม.ค. 2560 บริเวณอีเว้นท์ ฮอลล์ และ เอ็มซีซี ฮอลล์ สาขา เดอะมอลล์ บางกะปิ งามวงศ์วาน และบางแค รวมไปถึงพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ เดอะมอล์ บางแค และภายในแผนกเพาเวอร์ มอลล์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, บางแค ,บางกะปิ และท่าพระ รวม 4 สาขา เพื่อขานรับมาตรการช้อปช่วยชาติ
ภายในการจัดงานดังกล่าว บริษัท เดอะมอลล์ ได้มีการจัดโปรโมชั่นจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ และโปรโมชั่นรับคืนรวมสูงสุดถึง 40% ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน ให้กับสินค้าทุกชิ้นทั้งงาน พร้อมกับแจกบัตรกำนันจากเพาเวอร์ มอลล์ สูงสุด 20,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบตามมูลค่าที่กำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐกับมาตรการลดรับปีใหม่และช้อปช่วยชาติ ระหว่างวันที่ 14 -31 ธ.ค. นี้
สำหรับสินค้าไฮไลต์ภายในงาน เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า ปีนี้ นอกจากจะนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษแล้ว ยังมีการนำเสนอเทรนด์สินค้านวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น กลุ่มเครื่องทีวีและเครื่องเสียง พบกับ สุดยอดนวัตกรรมทีวี Super Size รุ่นล่าสุดจาก SAMSUNG, LG, SONY ที่มาพร้อมสัญญาณภาพใหม่ล่าสุดแบบ HDR - Dolby Vision ที่มาบนความละเอียดระดับ UHD 4K เพื่อนำเสนอภาพเสมือนจริงที่สุดให้ผู้รับชม
นอกจากนี้ ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก็มีการนำสินค้านวัตกรรมใหม่มาจัดแสดงและจำหน่ายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะเน้นไปที่ช่วยถนอมสุขภาพและทำให้อากาศบริสุทธิ ส่วนตู้เย็นจะเน้นไปที่การถนอมอาหารได้ยาวนานและคงความสดใหม่อยู่เสมอ
ส่วนกลุ่มสินค้าสื่อสารและไอที ในส่วนนี้ก็มีการนำสินค้านวัตกรรมใหม่มานำเสนอลูกค้าเช่นกัน เช่น EPSON Smart Glasses รุ่น Moverio แว่นตาอัจฉริยะ ที่สามารถบังคับ Drone ได้ โดยไม่ต้องบังคับจาก Smartphone มาเปิดตัวครั้งแรกภายในงานด้วย รวมถึงสมาร์ทโฟนและแก็ดเจ็ทใหม่ๆ เช่น Notebook Acer Swift 7 ที่สุดแห่งคอมพิวเตอร์กับความบางเหนือระดับ พร้อม new gaming zone ที่ใหญ่ที่สุด กับเครื่อง gaming รุ่นล่าสุดที่มาพร้อม spec สำหรับเล่านักเล่นเกมจากแบนรด์ MSI, Aser, Dell, Lenovo และ Asus
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า การจัดงาน เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า ในปีนี้ บริษัทได้ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ลูกค้าทราบถึงการจัดงานดังกล่าว ซึ่งหลังจากจบงานดังกล่าวในวันที่ 4 ม.ค.2560 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าไอทีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ส่วนภาพรวมยอดขายของแผนกเพาเวอร์ มอลล์ ในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 2% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เติบโต 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ เพาเวอร์มอลล์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนในการจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที กำลังเดินหน้าลุยทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นยอดขายของตัวเองและช่วยเหลือผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีให้มียอดขายเพิ่มขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าเองก็เร่งเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดส่งท้ายปลายปีเช่นกัน เพื่อผลักดันให้มียอดขายใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
นายสุทธิ มโนกิจจรูญมั่น ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ยังคงเน้นไปที่การเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทมียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดี โดยปัจจัยลบที่ทำให้บริษัทยังมียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดี เพราะบริษัทเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงบน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อที่ดี และจากมาตรการช้อปช่วยชาติของภาครัฐในปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนการทำตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงปลายปีนี้ บริษัทยังคงทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องซักผ้า เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีอัตราการเติบโตดี นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะทีวีจอขนาดใหญ่ เนื่องจากแนวโน้มยอดขายทีวีในช่วงปลายปีนี้เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยในส่วนของสินค้าไฮไลต์ที่นำเข้ามาทำตลาดในงานเพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า คือ LED TV LG 49” 4K Digital TV จากปกติขายในราคา 34,990 บาท ในงานขายราคาพิเศษ 17,497 บาท
ด้าน นางรังสิยา สุพัตพณิชการ รองผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี. เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สินค้าไฮไลต์ที่จะนำมาทำตลาดในช่วงปลายปีนี้ จะเน้นไปที่กลุ่มสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น เนื่องจากเป็นช่วงหน้าขายสินค้ากลุ่มนี้ โดยล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ "พานาโซนิค ซีรีส์อีเล็คทริค โฮม ชาวเวอร์" ที่มีนวัตกรรมอี-ไซเคิล อาบน้ำร้อนสลับเย็น และ อี-ไฮบริด ช่วยให้ประหยัดน้ำเข้ามาทำตลาด ซึ่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นการกลับมาเปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นใหม่เข้าทำตลาดในรอบ 5 ปี โดยหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 20%
จากสินค้าใหม่ๆ ที่บรรดาผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาเปิดตัวเข้าทำตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกในครั้งนี้ ประกอบกับวันที่ 14-31 ธ.ค.นี้ มีมาตรการช้อปช่วยชาติเข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ผู้ประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างตั้งความหวังว่ามาตรการนี้น่าจะช่วยกระตุ้นให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 30% และเป็นอานิสงส์ให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามีความคึกคักไปจนถึงต้นปี 2560
ทั้งนี้จากประสบการณ์ของมาตรการช้อปช่วยชาติในปีที่ผ่านมา ที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าบางรายการไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ปีนี้ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องเตรียมความพร้อม ด้วยการสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 30% เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยรับมาตรการช้อปช่วยชาติในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้
ข่าวเด่น