การตลาด
สกู๊ป "ร้านอาหารญี่ปุ่น" แข่งดุ กระตุ้นมูลค่าตลาดโต


ยังคงแข่งขันกันอย่างรุนแรงสำหรับธุรกิจร้าอาหารญี่ปุ่น เห็นได้จากการเดินหน้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง และการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก ซึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีอัตราการเติบโตสวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

 

ปัจจุบันภาพรวมตลาดธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 23,500 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่าปิดปี 2559 นี้ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นน่าจะมีอัตราการเติบไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อเนื่องจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% โดยในมูลค่าดังกล่าว สัดส่วนประมาณ 80% เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการอยู่ภายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า

 

นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดากร สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเครืออย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านอาหารสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15 สาขา แบ่งเป็น ร้านชาบุชิ 14 สาขา และ ร้านโออิชิ บุฟเฟ่ต์ ประมาณ 1 สาขา

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะปรับปรุงร้านอาหารญี่ปุ่นสาขาเดิมให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยในปี 2560 มีแผนที่จะดำเนินการปรับปรุงจำนวน 5 สาขา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายร้านอาหารญี่ปุ่นสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีรายได้ในธุรกิจรานอาหารเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนภาพรวมรายได้จากธุรกิจอาหารในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-30 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา มีรายได้อยู่ที่ประมาณ  4,906 ล้านบาท

นายไพศาล กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจอาหารญี่ปุ่นปี 2560 คาดว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากกว่าปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังทรงตัว ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งทำการตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้า โดยในส่วนของบริษัทได้เตรียมตั้งงบการตลาดไว้ที่ประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อจัดโปรโมชั่น และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น

ล่าสุด บริษัท โออิชิ กรุ๊ป ได้มีการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในกลุ่มบุฟเฟ่ต์แบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "โออิชิ อีททอเรียม" เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับประเภทร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนจากร้านโออิชิ บุฟเฟ่ต์ เดิม โดยขณะนี้ได้เริ่มเปิดให้บริการสาขาแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 9 ซึ่งภายในปี 2560  คาดว่าจะเปิดแบรนด์ดังกล่าวครบ 4 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด

สำหรับจุดเด่นของ โออิชิ อีททอเรียม คือ การนำเสนออาหารที่มีรสชาติหลากหลาย ในราคาหัวละ 659 บาท พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองทำด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลจากเชฟผู้เชี่ยวชาญและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่วนในด้านการตกแต่งนั้นจะแต่งร้านในรูปแบบ “ยาไต (Yatai)” หรือบรรยากาศที่เสมือนอยู่บนย่านอาหารการกินในประเทศญี่ปุ่นที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารอร่อยนับ 10 ร้าน นอกจากนี้ ยังมีโชว์แล่ปลา และเทปปันยากิ (การผัดกระทะร้อน) วันละ 4 รอบ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารญี่ปุ่นด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่

พร้อมกันนี้ ยังมีการเพิ่มนวัตกรรมสแกนบัตรบาร์โค้ดของโต๊ะเพื่อสั่งอาหาร ซึ่งในส่วนสาขาต่อไปที่กำลังปรับโฉม คือ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ในเดือนเม.ย. และปลายปี 2560 อีก 2 แห่ง คาดใช้งบประมาณในการปรับเป็นโออิชิ อีททอเรียม ราวแห่งละ 20-25 ล้านบาท ทั้งนี้หากในอนาคตกระแสตอบรับดีทางโออิชิจะทยอยปรับจากโออิชิ บุฟเฟต์ เป็นโออิชิ อีททอเรียม ทั้งหมด

 

นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และกลุ่มธุรกิจแบรนด์ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยการเติบโตปีละกว่า 10% และคาดว่าในปี 2559 จะยังสามารถเติบโตไปได้อีก โดยจะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการที่มีการแข่งขันสูง ทำให้ร้านอาหารเซนต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นด้วย นอกเหนือไปจากการนำเสนอเมนูอาหารที่สด อร่อย โปรโมชั่นที่โดนใจ และบริการที่ดี

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของร้านอาหารญี่ปุ่นเซน นับจากนี้ยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของเมนู  ด้วยการปรับปรุงเมนูเล่มใหม่ให้มีความสวยงามและมีเมนูอาหารที่ครบทั้งเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบของสด, ย่าง, ทอด และเมนูแซ่บ ที่มีให้เลือกมากกว่า 200 เมนู และอีกกว่า 60 เซ็ต ให้ได้เลือกอร่อยกันได้หลากหลายและอย่างเต็มที่ โฆษณาชิ้นนี้ยังนำเสนอให้เห็นถึงความสด น่ากิน ของอาหารทุกจานได้เป็นอย่างดี ตามปรัชญาของร้านอาหารญี่ปุ่นเซนที่เน้นถึงคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ความพิถีพิถัน และปรุงสดตามต้นตำรับอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารทุกจานของร้านอาหารญี่ปุ่นจะเป็นจานที่ดีทีสุด

ในส่วนของแผนการขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่นเซนในปี 2560 นี้ ยังคงมีแผนที่จะเปิดร้านใหม่ใกล้เคียงกับปี 2559 ที่เปิดร้านใหม่ไปประมาณ  3-4 สาขา  ซึ่งในจำนวนสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะเป็นในส่วนร้านอหารญี่ปุ่น “เซน ซูชิ แอนด์ สาเก” ซึ่งจะมีการตกแต่งร้านด้วยความทันสมัย กระฉับกระเฉง โดยเลือกใช้ตัวคาแรกเตอร์นิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นในรูปแบบนำสมัยมาตกแต่งร้าน ที่สื่อถึงคาแรกเตอร์ความสนุกสนานของร้านและการปาร์ตี้ในยามค่ำคืน  ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20%

 

ด้าน นายโนบุยาสุ วาทาดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโช (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารธุรกิจร้านข้าวหน้าเนื้อจากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์ “สุคิยะ” กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีการแข่งขันที่สูง แต่ขณะเดียวกันก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศไทยปีนี้ จะให้ความสำคัญในเรื่องของจุดเด่นความเป็นข้าวหน้าเนื้อที่แตกต่างจากคู่แข่ง คือวัตถุดิบที่ได้รับการคัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี ประกอบด้วยวัตถุดิบทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ รสชาติอาหารผ่านการปรุงโดยเชฟที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเมนูอาหารมีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค เช่น เมนูข้าวหน้าต่างๆ มีให้เลือกสรรทั้งเนื้อวัว หมู ไก่ ปลา เป็นต้น

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท เซนโช ประเทศญี่ปุ่น มีธุรกิจร้านอาหารในเครือกว่า 19 แบรนด์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารและมีสาขาร้านอาหารรวมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีแบรนด์สุคิยะเป็นร้านข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) สำหรับทุกคนในครอบครัว มีจุดแข็งทางธุรกิจจากการบริหารร้านโดยตรงจากสำนักงานใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ต้องขึ้นอยู่กับระบบแฟรนไชส์ จึงสามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การบริหารจัดการวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการบริการได้โดยตรง โดยในประเทศญี่ปุ่นมีสาขากว่า 1,920 แห่ง มีเมนูข้าวหน้าเนื้อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนวัยทำงาน ตลอดจนกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ทั้งนี้ ในส่วนของร้านสุคิยะ ปัจจุบันมีจำนวนเปิดให้บริการอยู่ประมาณ 12 สาขากระจายอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล  ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่งผลให้บริษัท เซนโชฯ มีแผนที่จะขยายร้านสุคิยะ เพิ่มเติมในส่วนของตลาดต่างจังหวัด เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดต่างจังหวัดน้อยกว่าในกรุงเทพฯ

จากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกในว่า ทำไมภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นถึงได้มีอัตราการเติบโตสวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเติบโต คือ คนไทยยังชื่นชอบในวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก


LastUpdate 23/12/2559 13:59:35 โดย : Admin
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 7:56 am