ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่ทำจากเนื้อหมู หลายคนคงนึกถึงบริษัท "ส.ขอนแก่นฯ" เพราะนอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านของผลิตภัณฑ์หมูหย่อง หมูยอ แค็บหมูแล้ว ปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์ในด้านของกลุ่มสินค้าขบเคี้ยวทานเล่น ภายใต้ชื่อ "อองเทร่" เข้าทำตลาดอีกด้วย
นอกจากจะให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ทำจากหมูแล้ว ปัจจุบันเริ่มมีการขยายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ทำจากไก่มากขึ้น รวมไปถึงการเปิดเกมรุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูปให้มีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมจะเน้นทำตลาดกลุ่มผลิตภํณฑ์ลูกชิ้นปลาเป็นหลัก แต่หลังจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ผลการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นอย่างดี บริษัท ส.ขอนแก่นฯ ก็เตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากปลาเพิ่มเติม เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น
สำหรับบริษัทที่ทำหน้าที่ในการดูแลธุรกิจที่ทำจากอาหารทะเล คือ บริษัท มหาชัยฟู้ดโปรเซสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ด จำกัด(มหาชน) ปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ผลิตเข้าทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ เซี่ยงไฮ้ สูตรเยาวราช ,แต้จิ๋ว, กวางเจา, โอเด้ง, เกาลูน, ไคเซน, ฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้ B ,มหาชัย , ปักกิ่ง ,ปูอัด , น้ำจิ้มตราไทยเดิม ,น้ำจิ้มตราเซี่ยงไฮ้ และไส้กรอกไก่
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มหาชัยฟู้ดโปรเซสซิ่ง จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท มหาชัยฟู้ดฯ ในปี 2560 นี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนและขยายตลาดการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีโอกาสให้บริษัทเข้าไปขยายธุรกิจได้อีกมาก ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ บริษัทต้องเข้าไปตั้งโรงงานแล่ปลาในประเทศพม่าก่อน เนื่องจากปัจจุบันอาหารทะเลในประเทศไทยค่อนข้างขาดตลาด ส่งผลให้บริษัทต้องหันมามองหาวัตถุดิบดังกล่าวจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ประเทศพม่า ถือเป็นหนึ่งประเทศที่บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ ให้ความสนใจเข้าไปสำรวจแหล่งวัตถุดิบอาหารทะเล เนื่องจากเป็นประเทศที่เปิดใหม่ ส่งผลให้วัตถุดิบด้านอาหารทะเลมีความสมบูรณ์ค่อนข้างสูง โดยหลังจากเข้าไปสำรวจแหล่งวัตถุดิบใน 3 เมือง คือ มะริด ย่างกุ้ง และทวาย พบว่า เมืองมะริดมีความสมบูรณ์ทางวัตถุดิบด้านอาหารทะเลสูงสุด
ดังนั้น บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าว ด้วยการเข้าไปตั้งโรงงานแล่ปลา เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ และใช้เป็นฐานการส่งออกอาหารทะเลแปรรูปไปยังประเทศที่ 3 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนก่อสร้างโรงงาน คาดว่าภายในไตรมาส 2 ปี 2560 น่าจะพร้อมทำการผลิตแล่เนื้อปลา เพื่อส่งเข้ามาแปรรูปต่อมายังโรงงานในประเทศไทยได้
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ เลือกที่จะเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานแล่ปลาในพม่า คือ ต้นทุนด้านค่าแรงถูกกว่าประเทศไทยครึ่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากมีแหล่งวัตถุดิบเพิ่มขึ้น บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ ก็มีแผนที่จะกลับเข้ามาทำตลาดส่งออกลูกชิ้นปลาอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากลดการส่งออกไปเมื่อช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพราะสินค้าไม่เพียงพอจำหน่าย ซึ่งนอกจากจะนำวัตถุดิบใหม่มาผลิตลูกชิ้นปลาแล้ว ยังมีแผนที่จะผลิตสินค้าใหม่ เช่น เนื้อปลาบด หนังปลาทอดกรอบ และปลากระป๋อง เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมอีกด้วย
นายเจริญ กล่าวต่อว่า ตลาดลูกชิ้นปลามีการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากมีผู้ประกอบการเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย แต่เรามีจุดแข็งที่เน้นคุณภาพสินค้าคู่กับราคาที่เหมาะสม แข่งขันได้ คู่ค้ามีความมั่นใจต่อบริษัท และผู้บริโภคมีความภักดีต่อตราสินค้า จึงทำให้บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดแปรรูปอาหารทะเลประเภทลูกชิ้นปลาตลอดมา ครองส่วนแบ่งการตลาดในโมเดิร์นเทรดกว่า 80%
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าและคู่ค้า บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ จึงได้จัดกิจกรรมจับฉลากมอบรางวัลให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าผู้โชคดีภายใต้แคมเปญ “มหาชัยฟู้ด ใจป๋า แจกรถ แจกทอง” รวมมูลค่ากว่า 1,400,000 บาท ซึ่งเป็นการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค โดยคนซื้อได้ คนขายได้ด้วย และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วประเทศที่ส่งฉลากเข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างมากมาย รวมถึงเป็นการมอบความสุขในเทศกาลปีใหม่นี้ด้วย
หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจกลุ่มสินค้าลูกชิ้นปลา และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง นายเจริญ คาดว่า ในปี 2560 บริษัท มหาชัยฟู้ดฯ น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 13-15% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากห้างโมเดิร์นเทรด 34%, ตลาดสด 58%, ส่งออก 8% ซึ่งในส่วนของรายได้ที่ได้รับในปีนี้ถือว่าโตจากปี 2558 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 865 ล้านบาท
สำหรับแผนการขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกร (หมู)นั้น บริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ที่ดูแลธุรกิจดังกล่าว ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2560 ที่จะถึงนี้ นายเจริญ มีแผนที่จะเข้าไปตั้งฟาร์มสุกรในนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบแห่งใหม่รองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารขบเคี้ยว ซึ่งถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ "แซ่บคลาสสิค" ซึ่งเน้นจำหน่ายอาหารอีสาน และร้านอาหารภายใต้แบรนด์ยูนาน ที่จะเน้นจำหน่ายข้าวขาหมูและอาหารจีน ซึ่งนอกจากทั้ง 2 แบรนด์จะขายอาหารหลักของตัวเองแล้ว ภายในร้านยังมีการนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารขบเคี้ยวเข้าไปจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการสร้างแบรนด์สินค้าอีกด้วย
นายเจริญ กล่าวอีกว่า นโยบายการรุกขยายสาขา "ร้านแซ่บ คลาสสิก" ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยอีสานนั้น จะขยายสาขาทั้งในรูปแบบที่บริษัทลงทุนเอง และการเปิดขายแฟรนไชส์ เพื่อผลักการเติบโตต่อจากนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 สาขา จะขยายเพิ่มอีก 4 สาขาในปีนี้ แบ่งเป็นการลงทุนเอง 2 สาขา และขายแฟรนไชส์อีก 2 สาขา พร้อมย้ายสาขาไปยังทำเลที่มีศักยภาพ เช่น การย้ายสาขาสีลมไปเปิดที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และเพิ่มเมนูอาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า เช่น เมนูแกงมัสมั่น ผัดไท ซึ่งส่งผลให้มียอดขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ขณะที่ ร้านข้าวขาหมูยูนนาน จะเน้นเปิดร้านขนาดเล็กในรูปแบบการขายแฟรนไชส์ที่ใช้เงินลงทุนเพียง 89,000 บาท เพื่อรุกเข้าสู่แหล่งชุมชนรองรับแผนขยายธุรกิจ พร้อมปรับเปลี่ยนสาขาเดิมที่มีอยู่ 32 สาขา เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งหมด รวมถึงจะเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ ให้มีความหลากหลาย เช่น ติ่มซำ เมนูเกี่ยวกับผักต่างๆ เป็นต้น โดยในไตรมาส 4 นี้ บริษัทจะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ที่ประเทศลาว เพิ่มขึ้นอีก 1 สาขา และกัมพูชาอีก 2 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปีนี้จะมีสาขาร้านข้าวขาหมูยูนนานในไทยและต่างประเทศทั้งสิ้น 35 สาขา
อย่างไรก็ดี เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ดังนั้น แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ดฯ ในปี 2560 จะไม่เน้นการขยายธุรกิจมากนัก แต่จะเน้นไปที่การปรับปรุงและวางระบบเทคโนโลยีภายในองค์กร ภายใต้งบลงุทนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีการขยายธุรกิจเพิ่ม โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร แต่บริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ดฯ ก็มีแผนที่จะเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้สิ้นปี 2560 มีรายได้เติบโตเป้นตัวเลข 2 หลัก จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,700-2,800 ล้านบาท
ข่าวเด่น