ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย รายงานผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด (21 ธ.ค.59) ระบุว่าเศรษฐกิจไทยปี 60 จะโต 3.2% ชี้ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ รับมือกับความผันผวนเศรษฐกิจการเงินทั้งใน - ตปท.ได้ดี แต่ต้องเฝ้าระวัง คุณภาพสินเชื่อในทุกระดับ และ unrated bonds มองเงินทุนเคลื่อนย้าย - อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนมากขึ้นในอนาคต จากนโยบายการเงินเฟด - รัฐบาลชุดใหม่สหรัฐฯ คาดสภาพคล่องเงินดอลลาร์จะตึงตัวและอาจกระทบเงินบาท
โดยมีรายละเอียดดังนี้ ด้านภาวะเศรษฐกิจในประเทศ กนง. ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2559 และ 2560 อยู่ใกล้เคียงกับประมาณการเดิมที่ร้อยละ3.2 โดยผลลบจากภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชนถูกชดเชยด้วยแรงส่งจากการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้โครงการประชารัฐสร้างไทยคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สําคัญในระยะต่อไป
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ สําหรับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางของสาธารณชนยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่ากลางของกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ ประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.2 และ 1.5 ในปี 2559 และ 2560ตามลําดับ ส่วนประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ร้อยละ 0.7 และ 0.8 ตามลําดับ สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อที่
คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ สามารถรับมือกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจการเงินทั้งในและต่างประเทศได้ค่อนข้างดี แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในบางจุด อาทิคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง ทั้งในสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อครัวเรือน รวมทั้งพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) โดยเฉพาะในกลุ่มตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bonds) ซึ่งอาจนําไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำเกินไป (underpricing of risks)
ภาวะตลาดการเงิน คณะกรรมการฯ มองว่ามีความผันผวนในตลาดการเงินโลกปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน จากการเปลี่ยนแปลงของการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับการดําเนินนโยบายการเงินของ Fed รวมทั้งจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ความเสี่ยงจากพัฒนาการทางการเมืองในยุโรปและเสถียรภาพการเงินของจีนที่ยังเปราะบาง นักลงทุนจึงลดการถือครองสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับสูงขึ้น
ด้านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย(SET) ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับตลาดในภูมิภาคตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ปรับดีขึ้นจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ขณะที่ราคาน้ํามันที่เริ่มปรับสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นปัจจัยบวกต่อราคาของหุ้นในกลุ่มพลังงาน
คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า จากความไม่แน่นอนในต่างประเทศที่ยังมีอยู่มาก นอกจากนี้ กรรมการบางส่วนเห็นว่าสภาพคล่องดอลลาร์ สรอ. ในตลาดการเงินโลกอาจมีแนวโน้มตึงตัวขึ้นจากกระแสเงินทุนไหลกลับสู่สหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดการเงินของไทยได้จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวในระยะต่อไป
ส่วนเป้าหมายของนโยบายการเงิน สําหรับปี 2560 คณะกรรมการฯ รับทราบมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559 อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินซึ่งเป็นความตกลงร่วมกันระหว่าง กนง. กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยกําหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ 2.5 ± 1.5 เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินสําหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสําหรับปี 2560 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในระดับดังกล่าวยังเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน รวมทั้งช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอาจส่งผลให้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของโลกและของไทยในระยะข้างหน้าต่ำกว่าในอดีต ซึ่งคณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณากําหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินในระยะต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ข่าวเด่น