การสานต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศยังเป็นสิ่งจำเป็นของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อนำพาประเทศไทยในยุคที่โลกไร้พรหมแดน ซึ่งนโยบายด้านต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ในปี 2560 กระทรวงการต่างประเทศยังเดินหน้างานการต่างประเทศตามแนวทางที่ได้ทำมาตลอด โดยจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศในหลายระดับ ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคก็ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกาที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บริหารประเทศ กระทรวงฯกำลังติดตามนโยบายว่าจะมีทิศทางอย่าง ไร แต่เชื่อว่าความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯที่มีมานาน183 ปี จะเป็นหลักประกันที่ดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันยังเดินหน้าต่อไป และสำหรับประเทศในทวีปยุโรปความสัมพันธ์ก็ดีขึ้น หลังจากที่ไทยได้มีการลงประชามติ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2559 ซึ่งตามหลักสากลถือว่าเป็นการออกเสียงโดยประชาชนที่เป็นไปอย่างโปร่งใสและเชื่อถือได้ ก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ
สำหรับแนวทางการทูตของไทยในปีใหม่นี้ เรียกว่า “การทูต 5 เอส (S) " คือ 1.Security-ความมั่นคงที่เป็นพื้นฐานสำคัญของงานการต่างประเทศทั่วโลก โดยความมั่นคงในยุคนี้เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่การใช้กองกำลังหรืออาวุธยุทโธปกรณ์มาสู้รบกัน แต่เป็นภัยในรูปแบบโรคภัย ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การระบาดของยาเสพติด การก่อการร้าย การขาดแคลนพลังงานหรืออาหาร
2.Sustainability-ความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3.Standard-มาตรฐาน ซึ่งไทยต้องยกระดับการดำเนินงานหลายอย่างให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การทำประมง การบินพลเรือนระหว่างประเทศ เป็นต้น 4.Status-สถานภาพของประเทศที่นอกจากประเทศเราต้องยกระดับคุณภาพพื้นฐานที่เรามีแล้ว ยังต้องเพิ่มบทบาทความร่วมมือกับนานาประเทศ รวมถึงต้องมีความพร้อมทางด้านเทคนิค
5.Synergy-บูรณาการ โดยหน่วยงานภาครัฐต้องทำงานร่วมกับภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และองค์กรแนวร่วมต่างๆ ดังนั้น การทำภารกิจต่างๆ ของกระทรวงต่อจากนี้ไปจะชัดเจนและครอบคลุมหลายด้านที่จะทำให้มีพลังเติมเต็มในการนำพาประเทศให้รุดหน้า นอกจากนี้ แนวทางการทูตดังกล่าวจะสนับสนุนงานภาครัฐทุกประเภท ที่มีการเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ
ข่าวเด่น