การตลาด
สกู๊ป "เครื่องปรับอากาศ" ส่งสัญญาณคึก ส่งสินค้าใหม่รับหน้าร้อน


การขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2560 ที่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะกลับมามียอดขายเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง หลังจากปี 2559 ที่ผ่านมาอยู่ในภาวะชะลอตัวตามปัจจัยลบเศรษฐกิจ และกำลังซื้อ

สำหรับกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ในด้านของยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ ยังคงมองว่าเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากมีบางค่ายเริ่มออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพื่อปูทางก่อนเข้าสู่หน้าขายอย่างแท้จริงที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวคาดการณ์กันว่าภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2560 นี้ น่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.73 ล้านเครื่อง เติบโต 10% จากปี 2559 ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.57 ล้านเครื่อง เติบโตจากปี 2558 ประมาณ  5%

เริ่มด้วย บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ที่ออกมาประกาศเปิดตัวเครื่องปรับอากาศใหม่แบบจัดเต็มตั้งแต่เดือน พ.ย.2559 ที่ผ่านมา ด้วยการนำสินค้าทั้งเครื่องปรับอากาศแบบอินเวิร์ทเตอร์ (Inverter) และเครื่องปรับอากาศแบบธรรมดา (Fixed Speed) รุ่นใหม่ทั้งหมด 9 รุ่นเตรียมนำเข้ามาทำตลาดในต้นปีนี้

 

นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด  กล่าวว่า เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในต้นปีนี้ จะเน้นไปที่รุ่น Inverter  ซึ่งเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ส่วนโครงสร้าง และส่วนประกอบภายใน จะให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพ เริ่มตั้งแต่สารทำความเย็น จากเดิมที่เป็นน้ำยา R410a เปลี่ยนมาเป็น R32 ในทุกรุ่น เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ส่วนตัวคอยล์ ยังคงเป็นทองแดง ที่ช่วยถ่ายเทความร้อนออก และนำพาความเย็นได้เร็วขึ้น ใบพัดลมขนาดใหญ่ ทำให้ส่งลมได้ไกล ทำให้อากาศเย็นเร็วขึ้น มีระบบ Self-Cleaning ทำความสะอาดตัวเอง และไล่ความชื้นออก เมื่อดับเครื่องแล้ว ทำให้ลดการสะสมของเชื้อโรคและสำหรับระบบอินเวิร์ทเตอร์ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดอีกอย่าง คือ การทำงานได้เงียบและประหยัดไฟกว่าเดิมมาก ทำให้หลับสบาย ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด คาดว่าจะได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับส่วนแบ่งการตลาด

หลังจากโตชิบาเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดได้ไม่นาน บริษัท  สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ก็ออกมาเปิดตัวสินค้นใหม่เข้าทำตลาดตามมาทันทีในเดือน ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา โดยเน้นระบบอินเวอร์เตอร์เป็นหลัก ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศใหม่ระบบ Inverter รุ่นซูเปอร์สไมล์ (Super Smile) และ ระบบ Non-Inverter รุ่นสแมช ทู (Smash II)  รวมถึงเครื่องปรับอากาศสกายแอร์ (Sky air) แบบฝังใต้ฝ้า รุ่น 8-Way Cassette และ แบบแขวนใต้ฝ้า รุ่น FHNQ และเครื่องฟอกอากาศ ไดกิ้น ที่ชูจุดขายนวัตกรรมประหยัดพลังงาน ความเย็น และประหยัดพื้นที่

 

นายฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่า นับเป็นเวลากว่า 90 ปีแล้ว ที่บริษัทครองความเป็นผู้นำด้านระบบปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์ที่คนทั่วโลกไว้วางใจ  เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น และไม่เคยหยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยปณิธานที่หนักแน่นนี้ จึงทำให้เครื่องปรับอากาศไดกิ้นเป็นอันดับหนึ่งในใจเสมอ โดยจะเห็นได้จากการเติบโตทางการตลาด ที่ไดกิ้นอินเวอร์เตอร์มียอดขายเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมากหลายปีแล้ว และในปี 2559  ที่เครื่องปรับอากาศไดกิ้นก็มีส่วนแบ่งการตลาดในระบบอินเวอร์เตอร์มากถึง 40% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 50% ในปี 2560 นี้

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดแล้ว ไดกิ้น ยังให้ความสำคัญกับการขยายสำนักงานสาขาอีก 2 แห่งในปี 2560 นี้ที่ระยอง และนครราชสีมา เพื่อการให้บริการที่รวดเร็วและครบวงจร  โดยในปี 2561 มีแผนที่จะขยายสำนักงานสาขาเพิ่มขึ้นอีกไปยังจังหวัดต่างๆ รวม 10 สาขา เพื่อให้การบริการครอบคลุมลูกค้าทั่วประเทศ เช่น ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี, ภาคกลาง จ.ราชบุรี และภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.สุราษฎร์ธานี  

นายฮิโตชิ กล่าวอีกว่า บริษัทวางนโยบายการบริการของสาขาเช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ คือ การให้บริการแก่ลูกค้าที่ฉับไว ทั้งงานบริการและอะไหล่ที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการขยายงานสู่ประชากรในท้องถิ่นที่เราเปิดสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนของทรัพยากรบุคคล โดยยังคงมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพ ยังคงสามารถขยายงานและการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง มีการรับสมัครพนักงานฝ่ายขาย และฝ่ายบริการเพิ่มขึ้น และได้ส่งเสริมด้านความรู้โดยการจัดฝึกอบรม และไดกิ้นได้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย อีกทั้งยังสนับสนุนดีลเลอร์ในพื้นที่ให้เป็นตัวแทนในด้านงานบริการ (Authorized Dealer) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังจะมุ่งเสริมความแกร่ง 3 ด้าน คือ  Call Center โดยจะมีเบอร์ 4 หลักในการติดต่อ จะทำให้ง่ายต่อการจดจำ เพื่อใช้เป็นช่องทางติดต่อหลักสำหรับการแจ้งซ่อมทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ถัดมา คือ การบริการที่ดีที่สุด ด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่ทางร้านค้าออนไลน์ พร้อมสร้างความสะดวกและส่งมอบสินค้ารวดเร็ว รวมถึงพัฒนาการจัดหาอะไหล่ที่มีคุณภาพและเครือข่าย และสุดท้าย คือ  ความพึงพอใจ โดยจะทำสำรวจการให้บริการลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ รวมถึงจัดกิจกรรมตรวจสอบภายใน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการและปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาความไม่พึงพอใจของลูกค้าให้ได้ไม่เกิน 1-2 วัน เป็นต้น

 

ด้าน นายฉัตรชัย เตชะพานิช ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แผนการทำตลาดเครื่องปรับอากาศพานาโซนิคในปีนี้ ยังคงเดินหน้าโปรโมทสินค้าในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ ต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มสินค้ารายการใหม่เข้ามาทำตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 8 รุ่น ส่งผลให้ในปี 2560 พานาโซนิคจะมีเครื่องปรับอากาศในระบบอินเวอร์เตอร์เข้าทำตลาดทั้งหมด 15 รุ่น ขณะที่เครื่องปรับอากาศรวมทั้งหมดที่พานาโซนิคผลิตเข้าทำตลาดอยู่ในขณะนี้ประมาณ 23 รุ่น

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะโปรโมทในเรื่องของการเป็นผู้นำทางด้านระบบกระจายลมเย็นโดยชูรุ่น Sky Series และ Aero Series ที่มีเทคโนโลยีการควมคุมทิศทางลมสำหรับ Direct cooling และ Indirect Cooling ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะจัดคาราวานโรดโชว์ไปทั่วประเทศ เพื่อสาธิตถึงทิศทางลมของเครื่องปรับอากาศ โดยจะมาพร้อมกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย Summer Fair รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนพนักงานขายหน้าร้าน และการจัดอบรมช่างทั่วประเทศ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการติดตั้งและบริการหลังการขาย ซึ่งหลังจากเดินหน้าทำตลาดเครื่องปรับอากาศอย่างต่อเนื่องในปีนี้คาดว่าสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 18% จาก 17%

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศปี 2560 นี้ มองว่าการแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดอินเวอร์เตอร์ เนื่องจากลูกค้าสนใจเรื่องการประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดอินเวอร์เตอร์มีอัตราการเติบโตกว่า 50% ส่วนเครื่องปรับอากาศพานาโซนิคระบบอินเวอร์มีอัตราการเติบโตสูงถึง 200% ซึ่งหลังจากบริษัทเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาด มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรับอากาศพานาโซนิคให้เป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน

เป้าหมายที่คาดการณ์กันไว้ว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10% มีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะนอกจากจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว สภาพอากาศก็ยังน่าจะเป็นใจอีกด้วย


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ม.ค. 2560 เวลา : 03:32:33
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 7:43 am