บล.ทิสโก้ ระบุปัญหาหนี้ตั๋วB/E ทำให้บจ.ต้องหันไประดมทุนช่องทางอื่นแทน และต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยสูง เชื่อกระทบภาพรวมไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นบจ.ขนาดเล็ก และเสนอขายในวงจำกัด แต่ต้องเพิ่มความระวังลงทุนในหุ้นรายตัว ให้จุดสังเกตบจ.ที่ส่อแววมีปัญหามักจะมี สัดส่วนหนี้ตั๋วเงินระยะสั้นต่อหนี้สินรวมที่สูง มากกว่า 10% มีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)มากกว่า 1 เท่า และมีอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนน้อยกว่า 1 เท่า และมีเงินสดในมือน้อย
ฝ่ายวิจัยบล.ทิสโก้ ระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น(B/E) ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) บางแห่ง ไม่ว่าจะเป็น NMG IFEC EFORL และRICH ส่งผลให้ราคาหุ้นของบจ.ดังกล่าวมีความผันผวนในระยะสั้น
แม้ว่าบางบริษัทจะสามารถชำระคืนหนี้ตั๋วB/E ได้แล้ว เช่น NMG และEFORL แต่ตลาดยังคงกังวลกับยอดตั๋วเงินระยะสั้นที่จะทยอยครบกำหนดไถ่ถอนภายในช่วง 1 ปีข้างหน้า ทั้งของบริษัทที่เป็นข่าวและบจ.รายอื่น ๆ
จากการรวบรวมข้อมูลตั๋วB/E ณ เดือนพ.ย. 25 ของก.ล.ต. มียอดคงค้างรวมอยู่ที่ 4.06 แสนลบ. โดยแบ่งเป็นยอดคงค้าง ของบจ.ราว 2.22 แสนลบ. หรือคิดเป็นสัดส่วน 55% ที่เหลือเป็นยอดคงค้างของบริษัทนอกตลาด
จากสังเกตบริษัทที่มีข่าวเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วB/E มักจะเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้ตั๋วเงินระยะสั้นต่อหนี้สินรวมที่สูง มากกว่า 10% มีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)มากกว่า 1 เท่า และมีอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนน้อยกว่า 1 เท่า และมีเงินสดในมือน้อย
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การออกหรือต่ออายุตั๋วB/E ทำได้ยากขึ้น อาจเป็นผลให้บจ.ที่เคยออกตั๋วB/E ต้องหันไประดมทุนด้วยวิธีการกู้ยืมเงินช่องทางอื่น ๆ แทน และมีแนวโน้มต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ไม่น่าจะกระทบต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กลุ่มธนาคารอาจได้ประโยชน์จากความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
ฝ่ายวิจัยฯมองว่า ปัญหาหนี้ตั๋วB/E กระทบภาพรวมตลาดไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นบจ.ขนาดเล็ก และมีจำนวนผู้เกี่ยวข้องจำกัด เนื่องจากเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง แต่มองหุ้นรายตัวเท่านั้นที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่ม
ข่าวเด่น