แบงก์-นอนแบงก์
"กรุงศรี" สร้างสถิติกำไรสุทธิ 21.4 พันล้านบาท สินเชื่อเติบโต 11.2% ในปี 2559


กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลกำไรสุทธิแข็งแกร่งสำหรับปี 2559 อยู่ที่ 21.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากปี 2558 ขณะเดียวกันสินเชื่อเติบโตสูงถึง 11.2% สูงกว่าเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อที่ 8-9% ทั้งนี้ ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ต้นทุนการเงินที่ปรับดีขึ้นจากการบริหารต้นทุนของธนาคาร

สรุปผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) และฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2559
·        การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 11.2% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 145.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 และเพิ่มขึ้น 3.2% คิดเป็นจำนวน 44.9 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนกันยายน 2559
·        การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 5.9% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 62.0 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 และเพิ่มขึ้น 2.1% หรือจำนวน 22.7 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนกันยายน 2559
·        กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากปี 2558
·        ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.74%
·        รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: เพิ่มขึ้น 11.7% จากปี 2558 ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจบริการบัตรและรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ กำไรจากเงินลงทุนและรายได้จากหนี้สูญรับคืน
·        อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 47.1% ระดับเดียวกับในปี 2558
·        สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.21% ปรับดีขึ้นจาก 2.24% ในปี 2558 นับเป็นระดับต่ำที่สุดหลังวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย
·        อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.3%
·        อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 14.2%

เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 11.2% หรือจำนวน 145.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ทั้งนี้การเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2559 ปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อรายย่อยซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15.9% จากความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่ครอบคลุมทุกประเภท ในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และการรวมสินเชื่อของ Hattha Kaksekar Limited (HKL) จากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ HKL โดยการซื้อหุ้นในอัตราส่วน 100% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดในเดือนกันยายน 2559 ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 8.0% และ 6.5% ตามลำดับ

เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 5.9% หรือจำนวน 62.0 พันล้านบาทจากสิ้นเดือนธันวาคม 2558 การเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และเงินรับฝากจาก HKL ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 3.74% ในปี 2559

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.21% ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.3%

 

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและภาคต่างประเทศที่เปราะบางในปี 2559 กรุงศรีก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนธุรกิจระยะกลางที่ตั้งเป้าไว้ ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง สินเชื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งสามารถขยายธุรกิจไปในต่างประเทศด้วยความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ HKL ในกัมพูชา ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อเติบโตถึง 11.2% ขณะที่กำไรสุทธิทำสถิติสูงถึง 21.4 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้สะท้อนศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งเกิดจากการผสานพลังทางธุรกิจร่วมกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของกรุงศรี”

นายโกโตะ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจในปี 2560 ว่า “กรุงศรีคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีความต่อเนื่องและครอบคลุมในทุกภาคส่วน โดยเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.3% โดยมีการลงทุนของภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ กอปรกับการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต ผนวกกับความแข็งแกร่งของ MUFG ธนาคารตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 6-8% สะท้อนความรอบคอบในการบริหารความเสี่ยง”

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในไทยมีสินเชื่อรวม 1.45 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.11 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.88 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 191.1 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 14.2% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.8%

 


LastUpdate 20/01/2560 14:37:11 โดย : Admin
13-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 13, 2025, 5:17 am