ซีอีโอแบงก์กรุงศรีฯ ประกาศกลยุทธ์และแผนดำเนินธุรกิจปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-8% เน้นสินเชื่อรีเทล เช่าซื้อและที่อยู่อาศัย ส่วนสินเชื่อรายใหญ่ โฟกัสเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับไทยแลนด์ 4.0 ทั้งอาหารและการแพทย์ ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อย เหตุโลกผันผวนสูง รับ NPLs ปีนี้ยังเสี่ยง เล็งขายหนี้เสีย 1 - 3 พันล้าน หวังกด NPLs ต่ำกว่า 2.5% พร้อมคุมแผนขยายสาขา เปิดใหม่แค่ 10 แห่ง ผันตัวสู่โลก "ดิจิทัล แบงก์กิ้ง" ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำ
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยถึงกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจ พร้อมเป้าหมายทางการเงินในปี 2560 ว่า ปี 2560 นี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 6-8% บนสมมติฐานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 3.3% โดยคลอบคลุมในทุกสินเชื่อ แต่จะมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อรีเทลหรือรายย่อยเป็นหลักที่จะเติบโตสูงสุดกว่าทุกสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยคาดจะเติบโตราว 2 หลัก จากปีก่อนที่เติบโต 15.9% เนื่องจากประเมินว่าการบริโภคในประเทศจะค่อยๆฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสินเชื่อรายใหญ่ ธนาคารก็ยังคงปล่อยแต่จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับไทยแลนด์ 4.0 เป็นหลัก อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นต้น โดยคาดจะเติบโตอยู่ที่ราว 8% ใกล้เคียงกับปีก่อน
สำหรับสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ในปีนี้อัตราการเติบโตน่าจะทรงตัวจากปีก่อนที่ประมาณ 6.5% เนื่องจากมองว่าภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า อาจกระทบทำให้ผู้ประกอบการไม่ตัดสินใจกู้เงินเพิ่มเติม
ส่วนสินเชื่อปีนี้ที่ธนาคารค่อนข้างระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ จะเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ที่ในปีนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงจากนโยบายทางการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา “นายโดนัลท์ ทรัมป์” ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนค่อนข้างมีความผันผวนสูง
ขณะที่ในปีนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs ยังน่าเป็นห่วงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่แม้จะฟื้นตัวมากขึ้น แต่ ยังเป็นลักษณะการฟื้นตัวในระดับที่ต่ำ ทำให้ธนาคารมองว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ของประเทศไทยน่าจะขยายตัวได้ราว 3.3% เท่านั้น ทำให้ในปีนี้ธนาคารมีแผนจะตัดขายหนี้เสียประมาณ 1-3 พันล้านบาท หรือสูงสุด ประมาณ 10% จาก NPLs ทั้งหมด ณ สิ้นปี 59 ที่ราว 3 หมื่นล้านบาท จากที่ผ่านมาได้ขายหนี้เสียไปแล้วประมาณ 2.8 พันล้านบาท เพื่อควบคุมให้ NPLs เป็นไปตามเป้าต่ำกว่า 2.5% ซึ่งปีนี้ธนาคารมีแผนจะตั้งสำรอง NPLs ที่ราว 1.4 -1.5% ของมูลค่าเงินให้สินเชื่อทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
“ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ปรับชั้นลูกหนี้ธุรกิจรายใหญ่ 1 แห่ง เป็นหนี้เสีย เนื่องจากสถานการณ์การดำเนินธุรกิจค่อนข้างซบเซา แม้ลูกหนี้จะยังไม่ผิดนัดชำระก็ตาม ส่งผลให้ NPLs ในไตรมาส 4/59 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.24% ซึ่งหากไม่รวมกรณีดังกล่าวจะทำให้ NPL อยู่ที่เพียง 2.07%”กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าว
นายโนริอากิ กล่าวถึงแผนการขยายสาขา ว่า เดิมในแผน 3 ปี (ปี 2558-2560) ตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ได้ 100 แห่ง ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาไปแล้วประมาณ 50 แห่ง แต่เนื่องจากปีนี้กระแสเทรนด์ ดิจิทัล แบงก์กิ้ง มาแรงและกรุงศรีฯมีแผนที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในด้านดิจิทัล แบงก์กิ้ง จึงจำเป็นต้องชะลอการเปิดสาขาใหม่ โดยจะเปิดเพียงแค่ 10 สาขาเท่านั้น และจะมีการย้ายสาขาบางแห่งเพื่อความเหมาะสมและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
สำหรับเป้าหมายทางการเงินในปี 2560 ทางด้านอื่นๆ นายโนริอากิกล่าวว่า ธนาคารได้ตั้งเป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ที่ 3.7% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยคาดจะเติบโตสูงกว่า 5% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs ที่ระดับต่ำกว่า 2.5%
อย่างไรก็ตาม นายโนริอากิกล่าวยอมรับว่า รายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้จะได้รับผลกระทบจาก”พร้อมเพย์” แต่จะได้รับอานิสงส์ทางด้านปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารจะเน้นไปที่การลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการ เช่น การซื้อเครื่องรับชำระเงิน (EDC) ในราคาที่ถูกลง
สำหรับแผนการลงทุน ธนาคารได้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนในรูปแบบการร่วมทุน(Venture Capital) ในธุรกิจด้านระบบชำระเงิน และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในปี 2560-2562 ซึ่งขณะนี้ธนาคารยังมองหาโอกาสในการควบรวมธุรกิจ (M&A)อยู่ ในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง แต่จะเป็นธุรกิจในลักษณะใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และโอกาสในขณะนั้นด้วย
ข่าวเด่น