นโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ (Trumponomics) ถูกวางกรอบไว้ภายใต้แนวคิด “ผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน” หรือ “America First” ที่ชูนโยบายปกป้องทางการค้า (Protectionism) เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก เนื่องจากทรัมป์มองว่าในช่วงที่ผ่านมาการที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาล รวมถึงบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวนมากย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้นตอสำคัญของปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ซบเซาในปัจจุบัน ทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตามองนโยบาย Protectionism ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่กำลังพุ่งเป้าไปยังจีนและเม็กซิโก ซึ่งถือเป็น 2 ประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสูงเป็นอันดับต้นๆ รวมกันถึงกว่า 55% ของยอดขาดดุลการค้ารวมของสหรัฐฯ 
ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ปี 2558
    
        
            | อันดับ | ประเทศคู่ค้า | ยอดขาดดุล   (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
 | 
        
            | 1 | จีน | -386,446 | 
        
            | 2 | เยอรมนี | -76,861 | 
        
            | 3 | ญี่ปุ่น | -72,305 | 
        
            | 4 | เม็กซิโก | -61,122 | 
        
            | 5 | เวียดนาม | -32,593 | 
        
            | 6 | เกาหลีใต้ | -30,623 | 
        
            | 7 | ไอร์แลนด์ | -30,567 | 
        
            | 8 | อิตาลี | -29,025 | 
        
            | 9 | อินเดีย | -25,097 | 
        
            | 10 | มาเลเซีย | -22,283 | 
        
            | 11 | แคนาดา | -21,046 | 
        
            | 12 | ไทย    | -18,343 | 
        
            |   | อื่นๆ | +3,360 | 
        
            | รวม | -802,951 | 
    
หมายเหตุ : เครื่องหมาย – หมายถึง สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า
เครื่องหมาย + หมายถึง สหรัฐฯ เกินดุลการค้า
ที่มา : International Trade Center
 
 
 
แม้ไทยไม่ใช่ประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายที่สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้า แต่หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน/เม็กซิโกจริงอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งทางบวกและทางลบ ดังนี้
 
    
        
            | 
            สินค้าไทยที่เป็นคู่แข่งกับจีน/เม็กซิโกในตลาดสหรัฐฯ 
                
                    
                        | สินค้า | สัดส่วนมูลค่านำเข้าของสหรัฐฯ (%) |  
                        | จีน | เม็กซิโก | ไทย |  
                        | ยางล้อรถยนต์ | 22 |   | 8 |  
                        | เครื่องปรับอากาศ | 31 |   | 3 |  
                        | เครื่องนุ่งห่ม | 36 |   | 1 |  
                        | รถยนต์และส่วนประกอบ |   | 26 | 0.3 |  
                        | ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และ HDD |   | 21 | 6 |  
                        | ยางและผลิตภัณฑ์ |   | 8 | 8 |  ที่มา :     International Trade Center (ข้อมูลปี 2558)   | 
    
  
ผลกระทบเชิงบวก : กลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นคู่แข่งกับจีน/เม็กซิโกในตลาดสหรัฐฯ มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ และมีจีน/เม็กซิโกเป็นคู่แข่งสำคัญ อาทิ ยางล้อรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องนุ่งห่ม รถยนต์และส่วนประกอบ ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และ Hard Disk Drive (HDD) ยางและผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลดี หากจีน/เม็กซิโกเผชิญอุปสรรคด้านภาษีมากขึ้น ขณะเดียวกันไทยยังอาจได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติในจีนมายังไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ไทยมีห่วงโซ่อุปทานหรือคลัสเตอร์ที่แข็งแกร่ง อาทิ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ทั้งนี้ ปัจจุบันเริ่มมีนักลงทุนต่างชาติในบางอุตสาหกรรมย้ายฐานจากจีนมาไทยบ้างแล้ว อาทิ แผงโซลาร์เซลล์ ยางล้อรถยนต์ (สำหรับในเม็กซิโกคาดว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะย้ายฐานไปประเทศที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียง อาทิ ลาตินอเมริกา)  
 
    
        
            | 
            สินค้าที่ไทยเป็นคู่ค้าและอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกับจีน/เม็กซิโก 
                
                    
                        | ห่วงโซ่อุปทานไทย-จีน |  
                        | สินค้าวัตถุดิบ/ทุนของไทยไปจีน (%)* | สินค้าสำเร็จรูปของจีนไปสหรัฐฯ (%)** |  
                        | ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และ HDD (5) แผงวงจรไฟฟ้า (5) วงจรพิมพ์ (2) | เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (23) |  
                        | เม็ดพลาสติก (11) | พลาสติกและผลิตภัณฑ์ (3) |  
                        | ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ (4) | เฟอร์นิเจอร์และที่เกี่ยวเนื่อง (7) |  
                        | ห่วงโซ่อุปทานไทย-เม็กซิโก |  
                        | สินค้าวัตถุดิบ/ทุนของไทยไปเม็กซิโก (%)* | สินค้าสำเร็จรูปของเม็กซิโกไปสหรัฐฯ (%)** |  
                        | ชิ้นส่วนยานยนต์ (12) ยางรถยนต์ (1) | รถยนต์สำเร็จรูป (14) |  
                        | ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และ HDD (23) แผงวงจรไฟฟ้า (1) และวงจรพิมพ์ (1) | เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (23) |  หมายเหตุ     :     * สัดส่วนต่อมูลค่าส่งออกรวมของไทยไปจีนหรือเม็กซิโก **     สัดส่วนต่อมูลค่าส่งออกรวมของจีนหรือเม็กซิโกไปสหรัฐฯ ที่มา :     International Trade Center และกระทรวงพาณิชย์ (ข้อมูลปี 2558) S,     | 
    
ผลกระทบเชิงลบ : กลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นคู่ค้าและอยู่ในห่วงโซอุปทานเดียวกับจีน/เม็กซิโก อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่จีน/เม็กซิโกส่งออกไปสหรัฐฯ ได้ลดลง ทำให้จีน/เม็กซิโกนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบจากไทยลดลง อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า วงจรพิมพ์) ชิ้นส่วนยานยนต์/ยางล้อรถยนต์ ขณะเดียวกัน สินค้าไทยอาจเสี่ยงต่อการถูกจีนทุ่มตลาด หลังจากสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อาจทำให้จีนได้รับผลกระทบรุนแรงจนต้องระบายสินค้าไปยังประเทศอื่นแทน ส่งผลให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปตลาดเดียวกับจีนต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาจากการทุ่มตลาดของจีนในกลุ่มสินค้าดังกล่าวมากขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์พลาสติก (เม็กซิโกไม่ใช่ฐานการผลิตหลักของโลกเหมือนจีน ทำให้ไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบด้านนี้จากเม็กซิโก)
 
    
        
            | 
            สัดส่วนเงินลงทุนโดยตรงสะสมในต่างประเทศ     (Outward FDI Stocks) ของสหรัฐฯ
                                                                                                                                      
 ที่มา     :     US Department of Commerce (ข้อมูลปี 2558) | 
    
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับนโยบายดึงดูดให้บริษัทสหรัฐฯ ที่ไปลงทุนในต่างประเทศย้ายฐานกลับสหรัฐฯ อาทิ การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นผู้ส่งออก ซึ่งหากรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจริง อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment : FDI) ในประเทศที่บริษัทสหรัฐฯ เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่ต้องพึ่งพา FDI ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาทิ เม็กซิโก บราซิล จีน ขณะที่บริษัทสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทยคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% ของมูลค่าลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของสหรัฐฯ ไทยจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากจากมาตรการนี้
 อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวและนโยบาย Protectionism ของทรัมป์ว่าจะพุ่งเป้าต่อไปที่ประเทศใดอีกหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอยู่มาก เพราะสหรัฐฯ อาจใช้เป็นข้ออ้างในการเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้า อาทิ เพิ่มความเข้มข้นของอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers : NTBs) หรือแม้กระทั่งอาจตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่ให้กับประเทศต่างๆ ลงในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไปได้ การค้าโลกในระยะข้างหน้าจึงนับว่ามีความไม่แน่นอนสูง ผู้ส่งออกไทยควรติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างไม่กะพริบตา รวมทั้งนำเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงต่างๆ มาใช้ โดยเฉพาะการประกันการส่งออก เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
 
 
 
ข่าวเด่น