หลังจากเงียบหายกันไปพักก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งสำหรับตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายปรุงรส ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ดูเหมือนว่า 2 ค่ายยักษ์ในตลาดสาหร่ายอย่าง "เถ้าแก่น้อย" และ "มาชิตะ" จะใจตรงกัน เพราะกลยุทธ์ทางการตลาดที่งัดออกมากระตุ้นยอดขายเหมือนกันมาก เนื่องจากแต่ละค่ายต่างดึงซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีมานั่งเป็นพรีเซ็เตอร์ เพื่อเอาใจวัยโจ๋ชาวไทยที่คลั่งไคล้ศิลปินเกาหลีให้หันมาสนใจบริโภคสาหร่ายปรุงรสมากขึ้น
นอกจากนี้ จากความชื่นชอบในตัวศิลปินเกาหลีของวัยรุ่นไทย ยังจะสามารถช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เถ้าแก่น้อย และมาชิตะดึงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จดจำแบรนด์ผ่านตัวพรีเซ็นเตอร์ได้อีกด้วย ส่วนแบรนด์ไหนจะมียอดขายได้มากกว่ากันคงต้องวัดกันที่คุณภาพและรสชาติของสินค้า รวมไปถึงความแข็งแกร่งของตัวพรีเซ็นเตอร์ว่า วัยรุ่นไทยจะชื่นชอบศิลปินวงไหนมากกว่ากัน
ในส่วนของแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" หลังจากปีที่ผ่านมาใช้ดาราสาวไทยอย่าง "ใหม่-ดาวิกา" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสาหร่ายปรุงรสแบรนด์เถ้าแก่น้อย ก็ดูเหมือนกับจะไม่ค่อยปังอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะเกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้เถ้าแก่น้อยต้องออกมาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ด้วยการหันมาดึงศิลปินชื่อดังจากประเทศเกาหลีวง “GOT7” มานั่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นไทยที่ชื่นชอบศิลปินวงดังกล่าว
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายปรุงรส “เถ้าแก่น้อย” กล่าวว่า การเลือก GOT7 มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสาหร่ายเถ้าแก่น้อยในครั้งนี้ เพราะเป็นศิลปินชื่อดังและเป็นขวัญใจวัยรุ่นชาวเอเชียและคนไทย
นอกจากนี้ ทั้ง 7 หนุ่มวง GOT7 ไม่ว่าจะเป็น แจบอม ,มาร์ค, แจ็คสัน, จินยอง, ยองแจ, แบมแบม และยูคยอม ยังมีคาร์แรคเตอร์ที่ตรงกัน คือ มีทั้งความสดใส มีเสน่ห์ ขี้เล่น และที่สำคัญ คือ การเป็นตัวอย่างของเด็กรุ่นใหม่ที่สามารถสานฝันจนกลายเป็นกลุ่มศิลปินที่มีชื่อเสียง บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ด้วยการดึงวง GOT7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสาหร่ายเถ้าแก่น้อย
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ เถ้าแก่น้อย ตัดสินใจดึงศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า คือ ปีนี้กระแส K Pop เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอย่างมากในเมืองไทยอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะนิยมสูงมากกว่าเดิม เห็นได้จากแฟนคลับศิลปินเกาหลีที่มีจำนวนนับล้านคนทั่วประเทศ
หลังจากดึงศิลปินชื่อดังเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำการตลาดแล้ว เถ้าแก่น้อย ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีแผนที่จะขยายการจัดกิจกรรมไปในตลาดต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้วัยรุ่นต่างจังหวัดได้มีโอกาสสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตในธีม เวลาสนุกของ GOT7 ต้องเถ้าแก่น้อย ซึ่งก่อนหน้านี้จะเน้นจัดขึ้นเฉพาะในกรุงเทพมฯ และโลกออนไลน์เท่านั้น ซึ่งแนวทางการทำการตลาดดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าของเถ้าแก่น้อยไปยังตลาดต่างจังหวัดให้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ เถ้าแก่น้อย ยังมีแผนที่จะใช้กลยุทธ์การทำตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ รวมไปถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี หรือสื่ออื่นๆ รวมถึงการทำกิจกรรมบนโลกโซเชียลมีเดีย ทั้ง เฟซบุ๊ค อินสตราแกรม และทวิตเตอร์ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลังจากออกมารุกทำการตลาดอย่างหนัก เถ้าแก่น้อยมั่นใจว่า สิ้นปี 2560 นี้ จะสามารถกระตุ้นยอดขายให้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของเถ้าแก่น้อยในช่วง 9 เดือนของปี 2559 ที่ผ่านมา มีรายได้กว่า 3,400 ล้านบาท เติบโต 35% มีกำไรสุทธิ 547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ดีสวนกระแสเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยว หรือสแน็ค ของประเทศไทย ซึ่งปี 2559 ที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจที่ประมาณ 4.5% หรือมีมูลค่ารวมกว่า 33,266 ล้านบาท โดยในส่วนของตลาดดังกล่าว แบ่งเป็น ตลาดสาหร่ายปรุงรส มูลค่าประมาณ 2,631 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของแบรนด์เถ้าแก่น้อย ยังคงครองการเป็นผู้นำตลาด ด้วยการมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 66%
ในด้านของแบรนด์ "มาชิตะ" แม้ว่าปัจจุบันยังเป็นที่ 2 รองจากเถ้าแก่น้อย แต่ก็ไม่ย่อท้อเร่งฝีเท้าไล่ตามแบรนด์เถ้าแก่น้อยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สิ้นปี 2560 จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ทีป่ระมาณ 17% ซึ่งในส่วนของกลยุทธ์ที่มาชิตะนำมาใช้ในปีนี้ที่ไล่ตามเจ้าตลาดอย่างเถ้าแก่น้อย คือ การดึงศิลปินชื่อดังจากประเทศเกาหลี NCT มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสาหร่ายปรุงรสภายใต้แบรนด์มาชิตะ
นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การการดึงศิลปินบอยแบนด์เกาหลีชื่อดังระดับเอเชีย NCT จากค่าย S.M. Entertainment มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์มาชิตะในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นบอยแบนด์ดาวรุ่งอันดับ 1 ของค่ายเอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นค่ายเดียวกับคยูฮยอน แห่งวง Super Junior พรีเซนเตอร์เกาหลีคนแรกของมาชิตะ
ทั้งนี้ มาชิตะ มั่นใจว่าหลังจากดึงวง NCT มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้จะช่วยผลักดันสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีอายุระหว่าง 12-25 ปี เนื่องจากศิลปินทั้ง 5 คน ไม่ว่าจะเป็น เตนล์ สมาชิกสัญชาติไทยคนแรกของค่าย ,แทยง,แจฮยอน, โดยอง หรือมาร์ค ล้วนแต่เป็นศิลปินที่วัยรุ่นไทยชื่นชอบทั้งสิ้น นอกจากนี้ การดึงศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า ยังถือเป็นการช่วยตอกย้ำแบรนด์มาชิตะให้แข็งแกร่งมากขึ้นในด้านการเป็นสาหร่ายแท้จากประเทศเกาหลี 100% และมีการผลิตด้วยเทคนิคเฉพาะของโรงงานเกาหลี
ส่วนแผนการทำตลาดของมาชิตะในปี 2560 นี้ บริษัท สิงห์ฯ ได้เตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 70-80 ล้านบาท จัดแคมเปญกระตุ้นการตลาด โดยมีศิลปินบอยแบนด์เกาหลี วง NCT มาเป็นผู้ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งหลังจากเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี บริษัท สิงห์ฯ มั่นใจว่า สิ้นปี 2560 นี้ จะสามารถกวาดยอดขายให้กับแบรนด์สาหร่ายปรุงรสมาชิตะได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2559 ที่มียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท
นายธิติพร กล่าวต่อว่า ภายใน 5 ปีหลังจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็น สินค้าที่ขายภายในประเทศ 50% และสินค้าส่งออก 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทเริ่มส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ ด้วยการเริ่มส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดในแหล่งท่องเที่ยวของประเทศจีนเป็นประเทศแรก เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ
จากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ส่งผลให้คาดการณ์กันว่า ภาพรวมตลาดสาหร่ายปรุงรสในปี 2560 นี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% มีมูลค่าประมาณ 2,600 ล้านบาทอย่างแน่อนอน โดยในส่วนของตลาดดังกล่าว แบ่งเป็นสาหร่ายทอด 70% มูลค่า 1,820 ล้านบาท สาหร่ายอบ 17% มูลค่า 442 ล้านบาท สาหร่ายย่าง 12.5% มูลค่า 325 ล้านบาท และ สาหร่ายเทมปุระ 0.5% มูลค่า 13 ล้านบาท
กลยุทธ์ดึงศิลปินชื่อดังจากประเทศเกาหลีมานั่งพรีเซ็นเตอร์ให้กับธุรกิจสาหร่ายปรุงรสในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้ตลาดสาหร่ายมีความคึกคักตั้งแต่ต้นปี เชื่อว่ายังน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้แต่ละค่ายเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะถ้าโดนใจแล้วติ่งพร้อมควักเงินซื้อ
ข่าวเด่น