นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย เล็งเห็นถึงปัญหาและความเดือดร้อนของชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาข้าวตกต่ำ เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ในฐานะที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย เป็นผู้บริหารโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 ซึ่งมีชาวนาเป็นลูกค้าเป็นจำนวนกว่า 1.5 ล้านคน จึงมีแนวคิดในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวนา เริ่มต้นจากการซื้อข้าวช่วยชาวนา โดยเชิญชวนให้บริษัทประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ร่วมกันซื้อข้าวสารจากชาวนาโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางและโรงสี เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพนักงานบริษัทได้บริโภค หรือมอบให้กับลูกค้าเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่หรือในโอกาสสำคัญ ๆ ของบริษัท จึงเป็นที่มาของ โครงการประกันภัย ให้ข้าวเป็นของขวัญ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับและความร่วมมือจากบริษัทประกันภัยซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมฯ รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันซื้อข้าวช่วยชาวนา รวมแล้วเป็นจำนวนกว่า 161 ตัน สามารถช่วยให้ชาวนามีรายได้จากการขายข้าว รวมเป็นเงินกว่า 5.7 ล้านบาท นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้มีการสั่งซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อนำมาจัดเป็นกระเช้าของขวัญขนาดต่าง ๆ เพื่อมอบให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในเทศกาลสำคัญ เช่น วันปีใหม่ วันครบรอบ หรือเป็นกระเช้าของขวัญสำหรับวิทยากรในการสัมมนาที่สมาคมฯ จัดขึ้น รวมทั้งได้นำข้าวที่ซื้อจากชาวนาไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ จำนวน 4 ตัน อีกด้วย

นายอานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 ผลผลิตข้าวทั้งหมดของประเทศไทยนั้นมีจำนวนประมาณ 25-27 ล้านตัน และยังมีข้าวที่ไม่สามารถระบายออกสู่ตลาดหรือผู้บริโภคได้ สมาคมฯ จึงได้สานต่อโครงการขายข้าวช่วยชาวนา โดยการจัดกิจกรรม “ประกันภัยร่วมใจ จัดหน่วยเคลื่อนที่ขายข้าวช่วยชาวนา” (Insurance Rice Mobile Unit) เชิญชวนบริษัทประกันภัยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมช่วยเหลือสังคมในนามของภาคธุรกิจประกันวินาศภัย และส่งรถโมบายของบริษัท พร้อมพนักงานจิตอาสาเพื่อมาช่วยขายข้าวตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น อาคารสำนักงาน และจุดขายในชุมชนต่าง ๆ เป็นต้น  ซึ่งโครงการต่าง ๆ ที่สมาคมฯ ได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวนานั้น อาจไม่สามารถช่วยเหลือได้ครอบคลุมทุกพื้นที่หรือชาวนาทุกคน แต่สมาคมฯ เป็นส่วนหนึ่งในหลาย ๆ ส่วนในสังคมที่ออกมาช่วยให้ชาวนาที่เดือดร้อนจากภาวะราคาข้าวตกต่ำให้ขายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสม และได้รับความช่วยเหลือให้ความทุกข์บรรเทาเบาบางลง ซึ่งสมาคมฯ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่สมาคมฯ ได้มองไปถึงการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวนามีศักยภาพและสามารถต่อยอดจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ เป็นแบบอย่างในการประกอบอาชีพชาวนาให้อยู่ได้และเกิดความยั่งยืนต่อไป