ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือกับ บริษัท ซันโตรี่ จำกัด เพื่อร่วมทุนก่อตั้งบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด (TFB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ บริษัท ทิปโก้ ฟู้ด ในอัตราการลงทุน 50:50 เพื่อร่วมกันขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งภูมิภาคที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ อาเซียน เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ยังมีโอกาสขยายตัวทางธุรกิจได้อีกมาก เพราะแต่ละประเทศอยู่ระหว่างการเติบโต ซึ่งหลังจากร่วมทุนกันมาพักใหญ่ตั้งแต่ปี 2550 ต่อมาปี 2556 ได้มีการโอนย้ายการถือครองหุ้นมายังบริษัท ซันโตรี่ เบฟเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเชีย จำกัด (ผู้ขาย) ให้เป็นผู้ถือหุ้น TFB แทนบริษัท ซันโตรี่ ในสัดส่วนร้อยละ 50.00 ของทุนชำระแล้วทั้งหมด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2560 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ยกเลิกการร่วมทุนกับผู้ขาย เนื่องจากมีปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ และอนุมัติให้บริษัท ทิปโก้ ฟู้ด เข้าซื้อเงินลงทุนใน TFB ที่ผู้ขายได้ถือครองอยู่ทั้งหมด เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ทิปโก้ ฟู้ด กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TFB อีกครั้ง ด้วยสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ TFB โดยภายในเดือน มี.ค.นี้ คาดว่าจะทำรายการการถือครองหุ้นแล้วเสร็จ
เหตุผลที่ทำให้ บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดคืน หลักๆ เกิดจากปัจจุบันแบรนด์ทิปโก้ เริ่มมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในสายตาของกลุ่มผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ หลังจากผนึกกำลังบริษัท ซันโตรี่ ร่วมสร้างแบรนด์มาพักใหญ่ ซึ่งหลังจากแบรนด์เริ่มมีความแข็งแกร่ง บริษัท ทิปโก้ฟู้ด เลยตัดสินใจที่จะลุยเดี่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัท ทิปโก้ฟู้ด มีแผนที่จะปั้นแบรนด์ ทิปโก้ ให้ก้าวสู่โกลบอลแบรนด์ให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในด้านตลาดต่างประเทศขณะนี้น้ำผลไม้ ทิปโก้ ถือว่าเป็นที่รู้จักกันหลายประเทศ และเป็นที่ชื่นชอบของคนต่างชาติ ซึ่งจากสถิติที่ทำการสำรวจพบว่า คนต่างชาติชื่นชอบการดื่มน้ำผลไม้มากกว่าคนไทย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทต้องบุกตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับธุรกิจผลไม้แปรรูป ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลัก เนื่องจากธุรกิจผลไม้แปรรูป บริษัทมีการส่งออก 100% โดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายของผลไม้แปรรูปให้มากขึ้น นอกจากสับประรดกระป๋อง
สำหรับการส่งออกน้ำผลไม้ คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับแต่ละภูมิภาคจะเป็นไปตามความนิยมของภูมิภาคนั้นๆ ซึ่งในส่วนของลูกค้าหลักที่บริษัท ทิปโก้ฟู้ด จะมุ่งเน้นเข้าไปทำตลาดน้ำผลไม้จะอยู่ที่ทวีปเอเซีย เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องอายุสินค้าสินค้า (Shelf life) ค่อนข้างสั้น เพราะสินค้าไม่ใส่สารกันบูด ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขของห้างหลักในต่างประเทศที่มีกฏข้อบังคับเรื่องการอายุสินค้าที่เข้าไปจำหน่ายในห้าง
ในส่วนของตลาดหลักที่จะทำการส่งสินค้าน้ำผลไม้เข้าไปทำตลาด คือ ฟิลลิปปินส์ เกาหลี จีน และ สิงคโปร์ รวมไปถึงตลาดใน middle east of Asia อย่างสหรัฐอาหรับอิมิเรต และจอร์แดน ซึ่งปัจจุบันตลาดดังกล่าวมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้มีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมากกว่า 50% ของยอดขายส่งออกทั้งหมด และเพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการนำพาธุรกิจก้าวขึ้นการเป็นแบรนด์ระดับสากล บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ได้มีการมองหาโอกาสการขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งออกผลไม้กระป๋องแล้ว 50 ประเทศ และน้ำผลไม้ 30 ประเทศ โดยมีตลาดหลักเป็นอาเซียน เอเชีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งหลังจากนี้ไปอีก 2 ปี บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มตลาดการส่งออกให้เป็น 70 ประเทศ พร้อมกับเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกในส่วนของสับปะรดเป็น 1,000 ไร่ จากตอนนี้มีไร่สัปปะรดอยู่ที่ 500 ไร่
นายเอกพล กล่าวอีกว่า ใน 3 ปีนับต่อจากนีบริษัทจะเน้นการทำการตลาดสินค้า Brand Tipco เป็นหลัก ด้วยการเพิ่ม Product line หรือสินค้าใหม่ และ Flavors หรือรสชาติใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำแบรนด์ทิปโก้ มีความโดดเด่นมากขึ้น ด้วยการใช้จุดแข็งของแบรนด์ทิปโก้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับสากล และประสบการณ์รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติปูทางธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์ในอนาคตอันใกล้นี้
สำหรับกลยุทธ์และแผนการตลาดในประเทศปีนี้ บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ยังคงมุ่งเน้นการตลาดแบบสร้างสรรค์ที่ควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แบบ 360 องศา ทั้ง Above the line และ Below the line ด้วยการจัดกิจกรรมโรดโชว์และ แจกสินค้าตัวอย่างตามห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน โรงเรียน และมหาวิทยาลัย อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขึ้น ด้วยการมองหาโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง รวมทั้งการจัดแคมเปญ CSR ต่างๆ และกิจรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการโฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องอย่างครบวงจร โดยครอบคลุมทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ออนไลน์ เคเบิ้ล หรือบีทีเอส รวมถึงสื่อตามห้างสรรพสินค้า และโรงเรียน เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคอย่างทั่วถึง รวดเร็วและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2560 จะมียอดขายเติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ยังสามารถมีรายได้เติบโตที่ 7% แม้การแข่งขันในตลาดน้ำผลไม้จะมีความรุนแรง แต่บริษัท ทิปโก้ฟู้ด ก็สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้สำเร็จ ขณะที่น้ำแร่ธรรมชาติออราก็มีอัตราการเติบโตสูงในช่วงตลอด 2-3 โดยปีที่ผ่านมามียอดขายเติบโต 15% จากปีก่อนหน้า
ปัจจุบัน บริษัท ทิปโก้ มีสินค้าที่ผลิตเข้าทำตลาดอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ สับปะรดกระป๋องและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการส่งออกต่างประเทศทั้งหมด ลูกค้าหลัก คือ กลุ่มทวีปอเมริกาและยุโรป 2. ธุรกิจ Consumer ได้แก่ น้ำผลไม้ ที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดในประเทศ และเป็น Brand อันดับ 1 ในด้านการยอมรับของผู้บริโภคและมีการเติบโตในด้านส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำแร่ออรา น้ำแร่ทีมีเอกลักษณ์ด้วยแหล่งกำเนิดจากน้ำพุเย็น เทือกเขาสูง 2,700 ฟุต ซึ่งมีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกิจที่ 3.จะเป็นในส่วนของธุรกิจสารสกัดและการเกษตร ดำเนินธุรกิจผลิตสารสกัดจากพืชและผลไม้ เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและยา สำหรับธุรกิจการเกษตร ได้แก่ สับปะรดทิปโก้หอมสุวรรณ ซึ่งมีรสชาติเฉพาะตัว เป็นพันธ์ที่เกิดจากการพัฒนาของบริษัทเองและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างดียิ่ง
และ 4. ธุรกิจ Retail ได้แก่ร้าน Squeeze Juice Bar จำหน่ายน้ำผลไม้ปั่นแบบ premium และของว่างเพื่อสุขภาพ และธุรกิจน้องใหม่ อย่าง August ร้านอาหาร Organic Fusion รสชาติจัดจ้าน และ Homsuwan Pina Pina ร้านขนมหวานและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบหลักจากสับปะรดทิปโก้หอมสุวรรณพัฒนาเป็นเมนูที่มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ความหลากหลายของสินค้าที่ บริษัท ทิปโก้ฟูด พยายามเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายตลาด เชื่อว่าน่าจะพาแบรนด์ "ทิปโก้" ก้าวสู่การเป็นสินค้าโกลบอลแบรนด์ได้ไม่ยาก
ข่าวเด่น