“พาณิชย์”ยันมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษเพื่อแก้ปัญหาสิทธิบัตรคั่งค้าง เผยแนวทางทำงานจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนผลตรวจสอบ หากประเทศใดรับจด ก็ถือว่าได้รับการันตีมาแล้ว แต่ยังคงต้องตรวจซ้ำตามคู่มือที่กำหนดอีกชั้นหนึ่ง ยันหากสิทธิบัตรใดมีปัญหาภายหลัง ก็สามารถยื่นโต้แย้งได้
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เห็นว่ามาตรการพิเศษที่รัฐบาลกำลังจะนำออกมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการออกสิทธิบัตรล่าช้า จะช่วยแก้ไขปัญหา คำขอรับสิทธิบัตรที่ค้างการพิจารณาอยู่ในระบบได้จริงและจะช่วยให้การพิจารณาออกสิทธิบัตรทำได้เร็วขึ้น เพราะปัจจุบันมีจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรที่ค้างการพิจารณาทุกสาขาเทคโนโลยีมีเป็นจำนวนมากกว่า 36,000 คำขอ ซึ่งหากสามารถเคลียร์ลงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทำได้ดีขึ้น
สำหรับแนวทางในการดำเนินการเร่งรัดการจดสิทธิบัตรที่สามารถนำมาใช้ได้ทันที ก็คือ การแลกเปลี่ยนผลการตรวจสอบ หรือ Work sharing ซึ่งเป็นแนวทางที่ประเทศต่างๆ ใช้อยู่ เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น โดยมาตรการนี้ จะเป็นมาตรการทางเลือกชั่วคราวที่จะใช้กับคำขอสิทธิบัตรที่ค้างการพิจารณามาเป็นเวลานาน และหากสิทธิบัตรได้รับการอนุมัติในต่างประเทศแล้ว ก็จะช่วยร่นขั้นตอนการพิจารณาลงได้
“กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะนำมาตรการนี้มาใช้ร่วมกับคู่มือการตรวจสอบสิทธิบัตรที่จัดทำขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ประดิษฐ์ และภาคประชาสังคม ซึ่งจะทำให้การจดสิทธิบัตรทำได้เร็วขึ้น แต่การดำเนินการตามมาตรการนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญายังคงมีหน้าที่ตรวจสอบคำขอให้เป็นไปตามพ.ร.บ.สิทธิบัตร อีกทั้งยังมีกลไกการคัดกรองคำขอก่อนเข้าสู่ระบบ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการทบทวนผลตรวจสอบได้ด้วย หากมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น”นางอภิรดีกล่าว
นางอภิรดีกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เห็นว่า หากไม่สามารถแก้ปัญหางานค้างสะสมได้ จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพผู้ตรวจสอบและระบบให้บริการโดยรวม จึงจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษออกมาใช้ หากมาตรการนี้ได้รับความสนใจจากผู้ขอรับสิทธิบัตร จะทำให้ปัญหางานค้างสะสมลดลงตามเป้าหมาย และยังจะส่งผลดีทำให้นักประดิษฐ์คิดค้นของไทย มีการพัฒนางานประดิษฐ์คิดค้นมากขึ้น จากการที่สามารถยื่นคำขอจดสิทธิบัตรและได้รับการจดสิทธิบัตรเร็วขึ้น
ทั้งนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ด้วยข้อจำกัดของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาเทคโนโลยีเฉพาะด้านมีเพียง 24 คน ขณะที่ปริมาณคำขอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับภาระงานของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรไทยกับต่างประเทศพบว่า ภาระงานของผู้ตรวจสอบไทยสูงกว่าของต่างประเทศอยู่มาก ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักว่าปัญหางานค้างตรวจสอบส่งผลกระทบต่อการสร้างนวัตกรรมและการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ จึงได้อนุมัติอัตรากำลังเพิ่มให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ในการฝึกฝนผู้ตรวจสอบใหม่ให้มีความเชี่ยวชาญพร้อมปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อผู้ตรวจสอบใหม่เริ่มสามารถปฏิบัติงานได้ จะทำให้การพิจารณาตรวจสอบสิทธิบัตรรวดเร็วขึ้น
ส่วนมาตรการระยะยาว กรมทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ระหว่างการแก้ไขพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เพื่อให้การตรวจสอบสิทธิบัตรมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งตามแผนคาดว่าจะสามารถเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายจากทุกภาคส่วนได้ภายในกลางปีนี้
ข่าวเด่น