นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บจ. ใน mai จำนวน 131 บริษัท คิดเป็น 95.62% จากทั้งหมด 137 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และ บริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานไม่ทันตามกำหนด) นำส่งผลการดำเนินงานงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 แล้ว มียอดขายรวมเท่ากับ 131,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.35% กำไรขั้นต้น 30,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.71% และมีกำไรสุทธิ 3,890 ล้านบาท ลดลง 8.73% จากปีก่อน ทั้งนี้ มี บจ. ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 95 บริษัท คิดเป็น 72.52% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
“การที่กำไรสุทธิรวมลดลงส่วนหนึ่งเกิดจากมี บจ.บางแห่งมีการรับรู้รายการพิเศษผลขาดทุนทางบัญชีจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่คาดว่าจะไม่ก่อให้เกิดรายได้ ยอดรวมสูงถึง 1,861 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาจากผลการดำเนินงานโดยไม่รวมรายการพิเศษเหล่านี้ พบว่า บจ. มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9.86% ทั้งนี้ พบว่า 6 ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมยังคงมีการเติบโตของทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ คือ กลุ่มบริการ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร สอดคล้องกับภาคการบริโภคในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว” นายประพันธ์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2559 มีผลขาดทุนสุทธิ 472 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 4/2558 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 233 ล้านบาท
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 137 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มีนาคม 2559) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 606.05 จุด ลดลง 1.66 %จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 325,192 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,788 ล้านบาทต่อวัน
ข่าวเด่น