นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนร้านค้าและตลาดประชารัฐต้นแบบเพื่อชุมชน โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณรงค์ บุ่ยศิริรักษ์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธี ติดปีกตลาดและร้านค้าชุมชนให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มุ่งสู่ความสำเร็จในยุค 4.0 ซึ่งเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในหมู่บ้าน/ชุมชน และเพื่อดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่หมู่บ้าน/ชุมชน เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมศักยภาพในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชน
นายสมคิด เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และอนุมัติหลักการงบประมาณในการดำเนินโครงการ ในกรอบวงเงิน 35,000 ล้านบาท ภายใต้โครงการดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลจึงสนับสนุนเงินทุนให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 79,566 กองทุน วงเงินไม่เกินกองทุนละ 500,000 บาท โดยพิจารณาจากโครงการที่มีลักษณะเสริมสร้าง และสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นของรัฐบาล และเป็นโครงการที่มีกิจกรรมต่อเนื่อง มีการหมุนเวียนรายได้และผลกำไร เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
นายสุวิทย์ กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เป็นหนึ่งในกลไกหลักที่ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ และสร้างโอกาสให้ประชาชนเติบโตก้าวหน้า ตามแนวคิด Local Economy ที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจโดยการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกร ในธุรกิจ SME และวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความสมดุลของภาคการผลิตและการค้า ใช้กระบวนการประชารัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็ง จากการร่วมมือ ร่วมใจ และการสานพลังของทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ
ซึ่งการดำเนินกิจกรรมร้านค้าประชารัฐ และตลาดประรัฐ ดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 125,000 ล้านบาทต่อปี สร้างงานให้ประชาชนในชุมชนกว่า 260,000 อัตรา อีกทั้งเป็นการสร้างกลไกรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างตรงจุด โปร่งใสและวัดผลได้จริง ซึ่งทำให้เกิดการสร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่มั่งคง พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง และรากฐานของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ขณะที่นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มิติในการพัฒนาตลาดและร้านค้าครั้งนี้ ไม่ใช่มิติในการพัฒนาเหมือนเดิม แต่เป็นมิติในการพัฒนาที่เติมเทคโนโลยีเข้าไป เติมการบริหารจัดการเข้าไป เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญในชุมชน สร้างอาชีพเพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการเกษตรโดยไม่ต้องเข้าเมืองใหญ่ สร้างเวทีให้สินค้าชุมชนมีช่องทางการขายให้เติบโตก้าวหน้า ลดรายจ่ายให้ประชาชนจากการเข้าถึงสินค้าราคายุติธรรม และคืนกำไรจากการดำเนินการกลับสู่ชุมชน เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นและต่อยอดการสร้างโอกาส
ข่าวเด่น