ประกัน
"ทิพยประกันภัย" กำไรสุทธิ 1,567ล้าน


นายสมพร  สืบถวิลกุล  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ว่า บริษัทยังคงมีกำไรจากผลการดำเนินงานขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิรวมทั้งปีอยู่ที่ระดับ 1,567.62 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.23 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,486.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.95 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 81.34 ล้านบาท หรือ 5.47%

สำหรับในปี 2559 เบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 20,428.77 ล้านบาท ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,936.16 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 281.82 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 3,230.55 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 7,456.62 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 7,523.62 ล้านบาท  ด้านฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ ยังมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 55,211.39 ล้านบาท หนี้สินรวม 48,623.58 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 6,587.81 ล้านบาท ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลการดำเนินงานงวดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2559 ในอัตราหุ้นละ 2 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 9 พฤษภาคม 2560
ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นนั้น นายสมพร กล่าวว่า สืบเนื่องจากทิพยประกันภัยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้ารายย่อยที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนโยบายหลักที่จะก้าวสู่บริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นผู้นำด้านระบบดิจิตอล (Digital Insurance) นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย โซเชียลมีเดีย และช่องทางต่างๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ ของลูกค้าในยุคดิจิตอล ที่ต้องการความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “บริษัทประกันวินาศภัยอันดับหนึ่งของไทย” ที่สามารถครองใจลูกค้าได้ทุกระดับและครบวงจร
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 นั้น นายสมพร กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดลูกค้าธุรกิจรายย่อยและบุคคลอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและระบบงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยอย่างเต็มที่ รวมทั้งจะขยายขอบเขตการรับประภันภัยให้ครอบคลุมการประกันภัยครบทุกประเภทด้วย
"ทิพยประกันภัย จะกลับมาบุกตลาดรถยนต์อย่างจริงจังในปีนี้ เพราะเป็นตลาดใหญ่ และลูกค้ามีความหลากหลาย อาทิ ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก ต้องการเบี้ยประกันภัยต่ำ ขณะที่ลูกค้าอีกกลุ่มอาจจะคำนึงถึงความคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว หรือการชดเชยค่าสินไหมอย่างเป็นธรรม  เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ยึดมั่นความคุ้มค่า คุณภาพการให้บริการ ไม่เน้นเรื่องราคาเพื่อแข่งกันในตลาด" นายสมพร กล่าว
ส่วนกลยุทธ์สำคัญที่จะขยายฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ นั้น บริษัทจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีลเลอร์) โดยตรง เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถยนต์สามารถเลือกทำประกันภัยกับบริษัทได้รับเงื่อนไขหรืออัตราพิเศษ ขณะเดียวกันบริษัทจะพัฒนาตนเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์แต่ละยี่ห้อด้วย ทั้งประภัยภัยประเภทซ่อมอู่หรือซ่อมห้าง นายสมพร กล่าว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 มี.ค. 2560 เวลา : 17:40:14
26-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 26, 2024, 1:27 pm