นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนผลักดันการส่งออกระยะ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค. 2560 เพื่อผลักดันการส่งออกของไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% โดยจะมุ่งเน้นการทำตลาดเชิงรุก โดยจะบุกเจาะตลาดเป็นรายประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผู้ประกอบการไทยในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าผ่านการใช้นวัตกรรม การหาลู่ทางออกไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการผลักดันธุรกิจบริการเพื่อสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ และการผลักดันให้มีการค้าขายระหว่างประเทศผ่านออนไลน์
ทั้งนี้ ในด้านการเร่งรัดขยายตลาดเชิงรุก กระทรวงฯ จะเน้นการเจาะลึกตลาดเป็นรายประเทศ โดยจะเริ่มจากตลาดอาเซียนและขยายตลาดสู่ประเทศพันธมิตรของอาเซียน เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และ CIS โดยเน้นเจาะตลาดเมืองรอง ยกระดับตลาดในเมืองหลัก ผ่านช่องทางจำหน่ายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่และวัฒนธรรมการบริโภคยุคสังคมเมือง รวมถึงการสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์(Strategic Partnership) โดยการนำคณะผู้บริหารและนักธุรกิจไทยเดินทางไปเจาะตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เช่น ญี่ปุ่น และสปป.ลาว เป็นต้น
ขณะเดียวกันจะเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการมีการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมส่งออกด้วยการส่งเสริมให้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีมีการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาตราสินค้าของตนเองให้สามารถออกสู่ตลาดสู่ต่างประเทศและสร้างนักออกแบบไทยให้มีศักยภาพเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการออกแบบของเอเชียโดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น กิจกรรมสร้างศักยภาพแบรนด์ผู้ประกอบการ SMEs/Start UP การจัดอบรม T/Mark Training Series รุ่นที่ 5 และการให้ความรู้ด้านการส่งออกและ Digital Enterprise 4.0 โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้มีแผนที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมรายคลัสเตอร์ โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ จากต่างประเทศเข้ามาให้คำแนะนำเป็นรายกลุ่มสินค้า เช่น กลุ่มเกษตรและอาหารที่จะเน้นผลักดันโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกสินค้าอาหารและสินค้าฮาลาลและยังจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ครัวไทยสู่ครัวโลกในงานแสดงสินค้าอาหาร (Thaifex) ด้วย
ด้านการลงทุนจะเน้นการส่งเสริมการขยายการค้าและการลงทุนเชิงรุก (Outward Investment) โดยจะเน้นตลาดV4 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคเหนือ (เช็ค/ฮังการี/สโลวาเกีย/โปแลนด์) และยังจะส่งเสริมนักธุรกิจไทยแสวงหาโอกาสและการดำเนินธุรกิจในยุโรป เช่น เยอรมนี เดนมาร์ก และสวีเดน
สำหรับภารธุรกิจบริการ กระทรวงฯ จะเร่งผลักดันให้เป็นแหล่งรายได้ใหม่ของประเทศ โดยจะให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจบริการเป้าหมาย เช่น การให้บริการด้าน Wellness & Medical อุตสาหกรรม Creative Economy และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
นางอภิรดีกล่าวว่า ยังได้เน้นให้มีการผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้มีความรู้ในการทำการค้าระหว่างประเทศผ่านทางออนไลน์ เพราะขณะนี้การค้าออนไลน์มีการขยายตัวกว่า 15-20% ต่อปี ขณะที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งผลักดันให้ SMEs ใช้ช่องทางออนไลน์ในการขายสินค้า โดยมีเว็บไซต์ thaitrade.com ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ปี 2544 เข้ามาสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าไทย ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 2560 กระทรวงฯ จะมีการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ เช่น การจัดงาน Thailand Week ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ในระหว่างวันที่ 15-20 พ.ค. 2560 การจัดงาน BIG&BIH ในระหว่างวันที่ 19-23 เม.ย. 2560 การจัดคณะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Seamless Middle East 2017 ในระหว่างวันที่ 1-2 พ.ค. 2560 ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตน์ และการจัดงาน Thaifex ในระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-4 มิ.ย.2560 เป็นต้น
ข่าวเด่น