นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทจะปรับรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยปีแรกเติบโตกว่า 17% จากกลยุทธ์ในแต่ละช่องทาง ทั้้ง 1. ช่องทางธนาคารเน้นสินค้าด้านความคุ้มครองและสุขภาพมากขึ้น 2. ช่องทางตัวแทน ซึ่งยังเป็นช่องทางที่สำคัญที่ต้องบุกตลาด โดยยกระดับตัวแทนให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 3. ช่องทางขายตรง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ง่ายไม่ซับซ้อน โดยใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเทคโนโลยี และเพิ่มโอกาสทั้งการเข้าหาลูกค้าโดยตรงและผ่านองค์กรหรือนายหน้า
ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตได้มุ่งมั่นพัฒนากลยุทธ์ทุกด้านเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับแผนพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและความต้องการของผู้บริโภค จนทำให้ปี 2559 การดำเนินงานโดยรวมประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น พร้อมกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 25 จากปีก่อน
นอกจากกลยุทธ์การขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายวิพล กล่าวเสริมว่า “ในการสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ในปีนี้กรุงเทพประกันชีวิตวางแผนเพื่อวางรากฐานระบบงาน ทั้งในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้านการสนับสนุนการขาย มีการพัฒนากระบวนการการทำงาน บริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการดำเนินงานและการบริหาร
อีกทั้งทำการยกระดับความรู้ความสามารถของบุคลากร เพื่อดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทั้งภายในองค์กรและเพื่อประโยชน์ของลูกค้า บริษัทปรับกลยุทธ์และแผนพัฒนาศักยภาพของทั้งพนักงานและตัวแทนประกันชีวิต โดยปรับปรุงหลักสูตรอบรม พัฒนาความรู้ใหม่ เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรเพื่อให้แข่งขันกับตลาดปัจจุบัน และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกได้ ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างให้พนักงานมีความภูมิใจในองค์กร ผูกพันและมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรมากขึ้น รวมถึงมีการสร้างบรรยากาศให้เป็นองค์กรที่น่าอยู่และมีความสุขในการทำงานไปพร้อมๆ กัน
สุดท้ายนี้ บริษัทยังผลักดันการพัฒนาด้านธุรกิจประกันภัยผ่านดิจิทัล เพื่อยกระดับ การดำเนินงานและบริการด้วยการมุ่งเน้นกลยุทธ์หลักใน 3 มุมมอง คือ ด้านลูกค้า มุ่งตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ยกระดับการประกันชีวิตผ่านโลกของดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทวางแผนเสริมสร้างและปรับเปลี่ยนรูปแบบช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด พร้อมการนำเสนอสินค้าที่เหมาะสม ยืดหยุ่นให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ตามความต้องการ ทั้งช่องทางปัจจุบัน ช่องทางใหม่ เช่น ระบบการบริการออนไลน์ ท้ายสุดคือ การพัฒนาด้านนวัตกรรม บริษัทเปิดรับเทคโนโลยีและคู่ค้าใหม่ๆ ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการที่จะผลักดันและส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรง”
“นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิต ยังคงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดการสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมภิบาล โดยเริ่มจากภายใน สู่ภายนอกองค์กร และขยายต่อไปยังชุมชน ผ่านโครงการเพื่อสังคมครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ สร้างความมั่นคงทางการเงิน การสนับสนุนการศึกษา การส่งเสริมสุขภาพและกีฬา การดูแลด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี เพื่อชีวิตที่มีความสุขรอบด้านของทุกคนในสังคมไทย” นายวิพล กล่าวสรุป
ข่าวเด่น