หน้าร้อนถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยให้เครื่องดื่มแต่ละกลุ่มมียอดขายเติบโตจากปกติไม่ต่ำกว่า 20-30% ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าช่วงหน้าร้อนของทุกปีเครื่องดื่มแต่ละประเภทจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อชิงเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้จ่ายเงินมากที่สุด
สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ แม้ว่าความคึกคักอาจจะไม่เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว นอกจากนี้ยังมีปัญหาภัยแล้งให้ต้องระวังกันในเรื่องของการใช้น้ำ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
แม้ว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลไปในส่วนของภาคการท่องเที่ยว และอาหารการกิน แต่ผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องดื่มโดยเฉพาะกลุ่มน้ำผลไม้และฟังก์ชั่นนอลดริ้งก็ยังคงเห็นโอกาสที่จะชิงส่วนแบ่งการตลาดของเม็ดเงินที่คาดว่าจะสะพัดในปีนี้ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อสร้างแรงจูงใจผู้บริโภคให้เข้ามาซื้อสินค้า
เช่นเดียวกับบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ ที่ล่าสุดออกมาสร้างสีสันให้กับตลาดน้ำผลไม้ ด้วยการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ “ทิปโก้ ม็อกเทล” เครื่องดื่มมิกซ์น้ำผลไม้โดยไม่มีแอลกอฮอล์เข้าทำตลาด จำนวน 2 รสชาติ คือ Tipco Mocktail Passion Summer (น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำเสาวรส) และTipco Mocktail Magic Lychee (น้ำแอปเปิ้ล น้ำองุ่น น้ำลิ้นจี่) เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดน้ำผลไม้ของไทย
นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน มีการแข่งขันกันสูงทำให้เกิดความเครียดและส่วนใหญ่คลายเครียดด้วยการพบปะสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ดังนั้นบริษัทจึงเล็งเห็นโอกาส ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “TIPCO Mocktail : Tip มันส์ๆ ไม่มีวันเลิกรา ”ภายใต้แนวคิด สนุกได้โดยไม่มีแอลกอฮอล์ ดื่มหนักแค่ไหนก็ไม่เมา มีแต่ความมันส์ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเมาไม่ขับ ควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ “ทิปโก้ ม็อกเทล” (Tipco Mocktail) เข้ามาทำตลาด
สำหรับโพซิชั่นนิ่งของ ทิปโก้ ม็อกเทล นั้น บริษัท ทิปโก้ฯ ได้วางไว้ให้เป็นสินค้าที่เหมาะกับงานปาร์ตี้ เนื่องจากภาพลักษณ์และรสชาติของสินค้าจะทำให้บรรยากาศการปาร์ตี้มีความสนุกสนานมากขึ้น เพราะมีส่วนผสมของ Mocktail Flavor สูตรลับของทิปโก้ ที่จะมีส่วนผสมของน้ำผลไม้หลากหลายรสชาติในกล่องเดียวเหมาะกับผู้บริโภคที่มองหาสิ่งใหม่ๆ ที่ต้องการเครื่องดื่มอร่อย สนุกและไม่ทำร้ายสุขภาพ
จากความแตกต่างของน้ำผลไม้ ทิปโก้ ม็อกเทล ที่แตกต่างจากน้ำผลไม้ทั่วไป จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5,200 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัท ทิปโก้ฯ ยังคงพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเจาะตลาดระดับพรีเมี่ยม เนื่องจากยังมีช่องว่างทางการตลาดที่ค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะปัจจุบันผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน
อย่างไรก็ดี เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักเร็วขึ้นบริษัท ทิปโก้ฯ ได้ใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการผสานมาร์เก็ตติ้งมิกซ์รุกตลาดแบบครบวงจร ทั้ง above the line และ below the line โดยเน้นสื่อทางด้านทีวี สื่อดิจิทัล สื่ออินเตอร์เน็ตรวมทั้งสื่อนอกบ้าน เข้ามาช่วยในการทำกิจกรรมการตลาด ขณะเดียวกันยังจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย กิจกรรมโรดโชว์ และ Sampling ห้างสรรพสินค้า แหล่งชุมชน มหาวิทยาลัย ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยตรงและรวดเร็ว ซึ่งหลังจากออกมาทำการตลาดสินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง บริษัท ทิปโก้ฯ มั่นใจว่า ทิปโก้ ม็อกเทล จะช่วยมียอดขายในช่วงซัมเมอร์นี้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 30%
ด้านบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด(มหาชน) ก็เล็งเห็นโอกาสในการสร้างยอดขายช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกัน ด้วยการออกมาประกาศปูพรมเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดรวดเดียว 7 รายการ ประกอบด้วย เลโม เพลย์ น้ำมะนาววิตามินซีสูง สูตรเวอร์จิ้น เลมอนเนด และพิ้งค์ เลมอนเนด ที่มีการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้โดนใจผู้บริโภค เครื่องดื่มเซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์ กลิ่นแอปเปิ้ล สูตรน้ำตาลน้อย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับกระแสสุขภาพ กุมิ กุมิ บาย โมกุ โมกุ รสเมลอนญี่ปุ่นและลิ้นจี่จักรพรรดิ 2 รสชาติใหม่ และเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สูตรแอคทีฟ ฟอร์ซ และสูตรรีแล็กซิ่ง คาล์ม เพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและการดูแลตัวเอง
น.ส.ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า เพื่อต้อนรับหน้าร้อนอย่างเป้นทางการในเดือนเม.ย.นี้ และตอกย้ำแคมเปญฉลอง 10 ปี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดด้วยกัน 7 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกและสร้างสีสันให้กับผู้บริโภคในช่วงหน้าร้อนนี้ โดยจุดขายของสินค้าใหม่บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่มิติความสวยของผู้หญิง เพราะความสวย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปราถนา
ขณะเดียวกัน การเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ยังถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางด้านยอดขายให้กับบริษัทในช่วงหน้าร้อนนี้ ซึ่งถือเป็นฤดูกาลขายสินค้า โดยบริษัท เซ็ปเป้ มั่นใจว่าการเปิดตัวสินค้าใหม่ในครั้งนี้จะช่วยผลักดันยอดขายในประเทศเติบโตจากปกติได้อย่างแน่นอน เพราะนอกจากเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดแล้ว บริษัท เซ็ปเป้ ยังได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ Umbrella Brand โมกุ โมกุ เข้ามาทำตลาดผ่านช่องทางการขายกลุ่มร้านค้าปลีกรายย่อย (Traditional Trade) ซึ่งเบื้องต้นจะทดลองทำตลาดในประเทศก่อน และหากได้ผลการตอบรับที่ดีก็จะส่งออกสินค้าดังกล่าวเข้าไปทำตลาดในประเทศอื่นๆ ด้วย
สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัท เซ็ปเป้ ในปีนี้ ได้วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการทำตลาดนั้นยังคงเน้นการขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยกลุ่มประเทศที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ โซนเอเชีย เนื่องจากยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดได้อีกมาก ซึ่งในส่วนของประเทศที่สร้างยอดขายหลักให้กับบริษัท เซ็ปเป้ ในปัจจุบัน คือ จีนและอินโดนีเซีย ดังนั้น แนวทางการทำตลาดในต่างประเทศปีนี้จะเน้นขยายฐานลูกค้าในประเทศดังกล่าวเป็นหลัก
ด้านบริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ก็ออกมาเปิดตัวแคมเปญ 'เอส เพลย์ ปะทะความหอม ประลองความซ่า' เอาใจคนวัยรุ่น ได้อร่อยกับสินค้ารสชาติใหม่จำนวน 2 รสชาติให้ได้สดชื่นรับซัมเมอร์ ประกอบด้วย 'เอส เพลย์ ฮาวายเอี้ยน พันช์' เครื่องดื่มอัดลมซ่ารสชาติใหม่ล่าสุด ที่รวมเอาความหอมสดชื่นจากสับปะรด มาผสานความหวานซ่อนเปรี้ยวจากแอปเปิ้ลได้อย่างลงตัว และ 'เอส เพลย์ เกรปเบอร์รี่' ที่ผสมผสานความหอมหวานขององุ่น และราสเบอร์รี่ ที่ดื่มแล้วสดชื่นอย่างแน่นอนเข้ามาทำตลาด
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการขับเคลื่อนตลาดน้ำสี ด้วยการนำจุดแข็งของ เอส เพลย์ เกรปเบอร์รี่ และเอส เพลย์ ฮาวายเอี้ยน พั้นช์ เข้ามาทำตลาดในครั้งนี้จะช่วยให้ตลาดน้ำอัดลมในกลุ่มน้ำสีมีความคึกคัก และโดนใจวัยรุ่นอย่างแน่นอน
การออกมาขับเคลื่อนตลาดด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มต่างๆ ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มของไทยในสิ้นปี 2560 นี้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 4-5% แน่นอน
ข่าวเด่น