หายจากตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไปนานถึง 5 ปีเลยทีเดียวสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ซิงเกอร์ กลับมาครั้งนี้ ซิงเกอร์ ก็เปิดเกมรุกเต็มที่ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดรวดถึง 3 กลุ่ม รวม 7 รุ่น เข้ามาทำตลาดในช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งยังคงมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยในส่วนของกลยุทธ์ที่ใช้ก็ยังคงลุยตามแผนเดิม คือ การให้ลูกค้าสามารถเช่าซื้อสินค้าได้
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายเครือข่ายตัวแทนขาย การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ รวมไปถึงการผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มบริษัทเจมาร์ท ในการขยายไลน์สินค้าโทรศัพท์มือถือ และกล้องถ่ายรูป รวมถึงการเพิ่มจุดชำระเงินผ่านตู้เติมเงินของ SINGER อีกกว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อให้สินค้าของซิงเกอร์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการและผู้อำนวยการสายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลาย และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้า
สำหรับแผนการทำการตลาดในช่วงหน้าร้อนนี้ บริษัทได้เตรียมนำเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่หลากหลายรุ่นในหลายกลุ่มสินค้าเข้าทำตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นพิเศษ พร้อมกับชูจุดแข็งของสินค้า คือ ใช้งานง่าย และมีความทนทาน พร้อมจัดทำแคมเปญพิเศษสุดๆ นำเสนอให้กับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายและอาชีพให้สามารถเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ ด้วยการส่งสินค้าตรงถึงบ้าน และผ่อนสบายๆ ได้ โดยไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน เพียงมีรายได้หลักสิบบาทต่อวัน ก็สามารถเป็นเจ้าของสินค้าได้
ส่วนสินค้าที่นำเปิดตัวเข้าทำตลาดในช่วงหน้าร้อนนี้ มีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม รวม 7 รุ่น ประกอบด้วย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และแอร์ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการทำแคมเปญการตลาดควบคู่ไปกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าของซิงเกอร์ สามารถเป็นเจ้าของได้เพียงผ่อนเบาๆ เช่น ซื้อตู้เย็นผ่อนเพียงวันละ 22 บาท และแอร์ผ่อนสบายวันละ 33 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ ซิงเกอร์ยังได้เตรียมความพร้อมในด้านของทีมช่าง เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึไม่ว่าจะเป็นการบริการส่งสินค้า หรือการติดตั้งสินค้าให้ถึงบ้านฟรี เพื่อให้ลูกค้ามีความประทับใจ เมื่อซื้อสินค้าของซิงเกอร์ ซึ่งบริการดังกล่าวถือเป็นจุดเด่นของซิงเกอร์ ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาหลายสิบปี
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเครื่องปรับอากาศ บริษัทได้มีการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในกลุ่มติดผนังเข้ามาทำตลาดแล้ว 2 รุ่น ประกอบด้วย ขนาด 12500 BTU และขนาด 18600 BTU ที่มีฟังก์ชันพิเศษช่วยฟอกอากาศบริสุทธิ์ พร้อมแผ่นดูดกลิ่นช่วยให้อากาศภายในห้องสะอาดและสดชื่น ควบคุมการทำงานด้วยรีโมตคอนโทรล และทำงานด้วยระบบอัจฉริยะช่วยให้อากาศเย็นเร็วทันใจ ใช้สารทำความเย็น R32 ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หมดปัญหาสิ้นเปลือง เนื่องจากใช้พลังงานด้วยมาตรฐานฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 อุ่นใจกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2134-2553 การันตีคุณภาพ พร้อมดีไซน์ล้ำกว่า นอกจากนี้ ยังรับประกันคอมเพรสเซอร์นาน 5 ปี และรับประกันอะไหล่นาน 2 ปี
นอกจากจะเปิดตัวเครื่องปรับอากาศติดผนัง เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายทั่วไปแล้ว ซิงเกอร์ ยังได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มเชิงพาณิชย์อื่นๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมมากขึ้น ด้วยการเตรียมสินค้าในกลุ่มตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือหยอดเหรียญ ตู้เติมน้ำมันหยอดเหรียญ ตู้แช่ ตู้แช่แข็ง และเครื่องทำน้ำหวานเกล็ดหิมะ เข้ามาทำตลาด
พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะนำเสนอแคมเปญการตลาดใหม่ๆ ด้วยเงื่อนไขพิเศษมากมาย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มอื่นเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่อื่นๆ อีกหลายรายการ เพื่อนำออกมาจำหน่ายให้กับลูกค้าภายในปีนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การชำระเงินในการซื้อสินค้ามีความสะดวกมากขึ้น ซิงเกอร์ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการชำระค่าสินค้าให้ผ่านระบบธนาคาร หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่มีจำนวนกว่า 18,000 จุด รวมไปถึงการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอรับการอนุมัติจากสำนักงานกลาง
นายกิตติพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้ธุรกิจก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทคโนโลยี ในปีนี้บริษัทได้มีการเตรียมงบประมาณ 100 ล้านบาท ลงทุนพัฒนาด้านไอทีและระบบหลังบ้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นส่งเสริมการขาย และนำเสนอสินค้าผ่านอี-แคตตาล็อก คาดว่าสิ้นเดือนเม.ย.นี้จะพร้อมเปิดให้บริการ
จากความแข็งแกร่งของตลาดต่างจังหวัดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ส่งผลให้ปีนี้ซิงเกอร์มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าเข้ามาในตลาดกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันซิงเกอร์ มีสัดส่วนยอดขายจากกรุงเทพฯ เพียง 10% เท่านั้น ที่เหลืออีก 90% เป็นยอดขายจากต่างจังหวัด โดยโซนแรกที่จะเริ่มเข้ามาทำตลาดในกรุงเทพฯ คือ พระราม 2
หลังจากออกมาขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซิงเกอร์มั่นใจว่า สิ้นปี 2560 นี้ จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,545 ล้านบาท โดยรายได้ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เติบโต ขณะที่ปี 2559 รายได้ก็อยู่ในสถานการณ์ติดลบอยู่ที่ประมาณ 10-15%
ปัจจุบันสินค้าที่สร้างยอดขายหลักให้กับซิงเกอร์ มีอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่ม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ตู้หยอดเหรียญ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และกล้องถ่ายรูปแบรนด์อื่นๆ
นายกิตติพงศ์ กล่าวปิดท้ายว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จาก 13% ให้เหลือต่ำกว่า 10% ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งทีมงานโทรศัพท์ติดตามลูกค้าเพื่อติดตามหนี้ และการค้างชำระค่าผ่อนสินค้า โดยทั้งซิงเกอร์ และเจเอ็มที ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เจ มาร์ท จะร่วมกันติดตามและบริหารหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข่าวเด่น